ตลาดหุ้นโดยรวมเข้าสู่รอบขาลงเต็มตัว หุ้นกลุ่มต่างๆ ปรับฐานลง แต่หุ้นกลุ่มยางพารากลับดีดตัวขึ้นอย่างคึกคัก หลังจากฟุบยาวมาหลายปี เนื่องจากพาราในตลาดโลกปรับตัวขึ้น
หุ้นกลุ่มยางพารา ประกอบด้วย บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA ผู้ผลิตและจำหน่ายยางพาราธรรมชาติแบบครบวงจร หุ้นบริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ STGT ผู้ผลิตและจำหน่ายถุงมือยางที่ใช้ในทางการและอุตสาหกรรมอื่นๆ
บริษัท ไทยอิสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEGH ประกอบธุรกิจโดยถือหุ้นในบริษัทอื่น มีบริษัทลูกที่ประกอบธุรกิจยางพาราธรรมชาติ บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TRBB ประกอบธุรกิจผลิตยางพาราครบวงจร
และบริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่าย ยางแผ่นรมควัน ยางแท่งและยางผสม
หุ้นกลุ่มยางพาราทั้ง 5 บริษัทปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น ในการซื้อขายเมื่อวันพุธที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางภาวะตลาดหุ้นที่ซบเซา โดยเฉพาะหุ้น STA ที่พุ่งแรงนำกลุ่ม
หุ้นกลุ่มยางพาราเงียบเหงาซบเซาติดต่อหลายปี หลังจากที่จีนเริ่มปลูกยางพารา และส่งผลิตภัณฑ์ออกตีตลาดทั่วโลก จนยางพาราและผลิตภัณฑ์ยางพาราราคาตกต่ำ ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตยางพาราคาในประเทศไทย โดยผลประกอบการบริษัทยางพาราที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ชะลอตัวลง
ราคา 5 หุ้นกลุ่มยางพาราคาทรุดลงโดยถ้วนหน้า
แต่ปีนี้ราคายางพาราเริ่มฟื้น โดยปรากฏการณ์ภูมิอากาศทางธรรมชาติ เอลนีโญ ทำให้ปีนี้อากาศร้อนขึ้น กระทบต่อผลผลิตยางพารา ทำให้ราคายางในตลาดโลกปรับตัวขึ้น และคาดกันว่าหุ้นในกลุ่มยางพาราจะมีผลประกอบการที่เติบโตขึ้น นักลงทุนจึงไล่ซื้อดักเก็งกำไร
หุ้นกลุ่มยางที่ฟุบมาหลายปีจึงเริ่มผงกหัวขึ้น เพราะมีปัจจัยกระตุ้น และเป็นแรงกระตุ้นเฉพาะกลุ่มธุรกิจเท่านั้น ขณะที่หุ้นกลุ่มอื่นๆ ยังซบเซาตามภาวะตลาด
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ประเมินว่า หุ้นกลุ่มยางพารายังเป็นไปตามวัฏจักร เพราะหุ้นกลุ่มโภคภัณฑ์ที่มีความผันผวนสูง เพียงแต่ปีนี้ได้รับอานิสงส์จากเอลนีโญ ทำให้ผลผลิตยางพาราลดลง ขณะที่ความต้องการใช้ยังคงที่ ราคายางจึงปรับตัวขึ้น และมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในปีนี้
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์เพียงให้คำแนะนำ การเก็งกำไรระยะสั้นหุ้นในกลุ่มยางพาราเท่านั้น เพราะปีที่ผ่านมาหลายตัวผลประกอบการยังขาดทุน บางตัวค่าพี/อี เรโชสูงมาก มี NER เท่านั้นที่ค่าพี/อี เรโช เพียง 6 เท่า
ส่วนหุ้นกลุ่มยางพาราขนาดใหญ่อย่าง STA ผลประกอบการไตรมาสแรกขาดทุน 3298.70 ล้านบาท จึงยังไม่มีค่าพี/อี เรโช ขณะที่ STGT บริษัทในกลุ่มค่าพี/อียังอยู่ที่ระดับ 198 เท่า ซึ่งถือว่าสูงมาก
ความฟื้นคืนสู่ความคึกคักของหุ้นกลุ่มยางพาราจึงเป็นปรากฏการณ์ระยะสั้น เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวตามสถานการณ์ราคายางพาราในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น นักลงทุนที่กำลังแห่เข้าไปเก็งกำไรหุ้นกลุ่มยางพาราจึงต้องระมัดระวัง
เมื่อเข้าไปเล่นต้องเตรียมตัวออกให้ทัน ต้องติดตามสถานการณ์ยางพาราในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด
เพราะถ้าผลผลิตยางพารากลับสู่ภาวะปกติ ราคายางพาราตลาดโลกมีแนวโน้มอ่อนตัวลง บรรยากาศเก็งกำไรหุ้นกลุ่มยางพาราคาอาจต้องปิดฉากรอบใหม่
ช่วงนี้ไม่ค่อยจะมีหุ้นเก็งกำไรให้นักลงทุนได้ยืดเส้นยืดสาย เมื่อหุ้นกลุ่มยางพารามีข่าวให้เล่น นักลงทุนจึงแห่เข้าไปตะลุมบอนกัน
แต่คงเก็งกำไรกันช่วงสั้น เพราะหุ้นกลุ่มยางพาราจะมีข่าวดีกระตุ้นเพียงช่วงสั้นๆเท่านั้น