xs
xsm
sm
md
lg

BAM โชว์ 25 ปีแก้หนี้เสียกว่า 4.8 แสนล้าน เดินหน้าร่วมทุน 'ออมสิน' ตั้งเอเอ็มซีใหม่ แก้ไขหนี้ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายบัณฑิต อนันตมงคล
BAM ปลื้มผลงาน 25 ปี บรรลุเป้าหมายภารกิจพลิกฟื้นสินทรัพย์ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ช่วยลูกหนี้กลับคืนสู่ระบบเศรษฐกิจปกติ คิดเป็นภาระหนี้เงินต้น 484,649 ล้านบาท และสามารถจำหน่ายทรัพย์สินรอการขายไปแล้ว 122,866 ล้านบาท ขณะที่ผลเรียกเก็บไตรมาส 1 ปี 67 ปรับตัวดีขึ้น 9.44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 และมีกำไร 423 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 58.43% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เผย อังคารนี้ (28) ลงนามกับ ธ.ออมสิน ตั้งบริษัทร่วมทุน ลุยแก้หนี้ ฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจ ลดหนี้ครัวเรือน

นายบัณฑิต อนันตมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM กล่าวว่า การดำเนินงานในช่วง 25 ปี ที่ผ่านมา ถือว่าบรรลุตามเป้าหมายในการเป็นองค์กรซึ่งทำหน้าที่แก้ไขปัญหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของประเทศ โดยสามารถช่วยเหลือลูกหนี้ให้ได้ข้อยุติจากการแก้ไขปัญหาหนี้เป็นจำนวน 155,683 ราย คิดเป็นภาระหนี้เงินต้น 484,649 ล้านบาท และสามารถจำหน่ายทรัพย์ NPA ไปแล้ว จำนวน 52,258 รายการ คิดเป็นราคาประเมิน 122,866 ล้านบาท ขณะที่ผลเรียกเก็บไตรมาส 1 ปี 67 สามารถทำได้ 3,535 ล้านบาท มีอัตราเติบโตที่ 9.44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่จำนวน 3,230 ล้านบาท ซึ่งช่วยทำให้สามารถสร้างผลกำไรได้ 423 ล้านบาท มีการเติบโตสูงถึง 58.43% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีผลกำไร 267 ล้านบาท ส่งผลทำให้ตลอดช่วง 25 ปี BAM มีกำไรสะสมรวม 77,593 ล้านบาท

โดยปัจจุบัน BAM มี NPL อยู่ในความดูแลจำนวน 87,371 ราย คิดเป็นภาระหนี้รวม 496,002 ล้านบาท เมื่อเทียบกับระบบสถาบันการเงินคิดเป็น 98.06% ขณะที่ NPA มีจำนวน 24,378 รายการ มูลค่าราคาประเมิน 72,958 ล้านบาท เมื่อเทียบกับระบบสถาบันการเงินคิดเป็น 47.19%

กางแผนแก้ NPL-เร่งขายทรัพย์คืนสู่ระบบศก.

สำหรับแนวทางการบริหารจัดการ NPL ได้ดำเนินการผ่านโครงการ/มาตรการต่างๆ เช่น มาตรการโอนตีทรัพย์ชำระหนี้ มาตรการซื้อคืนทรัพย์หลักประกัน มาตรการปรับลดหนี้ และมาตรการแปลงหนี้เป็นทุน โดยมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ของ BAM จะเน้นการเจรจาภายใต้เงื่อนไขที่ผ่อนปรนให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดร่วมกันทั้งฝ่ายเจ้าหนี้และลูกหนี้ นอกจากมาตรการเหล่านี้แล้วยังมีโครงการต่างๆ เช่น โครงการคืนทรัพย์ให้คุณ โครงการสุขใจได้บ้านคืน ซึ่งถือเป็นนโยบายสำคัญหรือปรัชญาในการดำเนินธุรกิจของ BAM ที่ต้องการคืนทรัพย์หลักประกันซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยหรือที่ทำกินให้ลูกหนี้

ด้านบริหารจัดการ NPA เน้นจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายตาม Target Segment มีการทำโครงการที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเป้าหมายตลอดช่วง 25 ปี ที่ผ่านมา เช่น โครงการที่นำเสนอขายคอนโดฯ ราคาประหยัดให้ผู้มีรายได้น้อยหรือมีงบประมาณจำกัด เช่น คอนโดฯ ราคามหาชน คอนโดฯ โดนใจสบายกระเป๋า เป็นต้น ส่วนโครงการขายทรัพย์แบบผ่อนชำระกับ BAM เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อจากสถาบันการเงินสามารถยื่นขอเข้าร่วมโครงการซื้อทรัพย์แบบผ่อนชำระกับ BAM ได้ นอกจากนี้ ยังมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ ประเภทที่ดินเปล่า ซึ่ง BAM สร้างแปลงสาธิตบนทรัพย์ประเภทที่ดินเปล่าของ BAM เพื่อเป็นตัวอย่างให้ลูกค้าเห็นการใช้ประโยชน์ในที่ดิน ได้แก่ โครงการปลูกพืชเศรษฐกิจ เพื่อผลิตพลังงานทดแทน โครงการพออยู่ พอกิน กับที่ดิน บสก. โครงการชีวิตที่ดี มีได้จริง (เกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง) โครงการทำกิน 1 ไร่ ทำได้ 1 แสน และโครงการบ้านสวนสุขใจ เพื่อตอบโจทย์ผู้สนใจลงทุนในที่ดินของ BAM

"ส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนองค์กรให้ประสบความสำเร็จมาจากการที่ BAM มีเครือข่ายสำนักงานสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ พนักงานในสำนักงานสาขาส่วนใหญ่เป็นคนท้องถิ่น เข้าใจความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี เป็นประโยชน์ต่อ BAM ในการเจาะกลุ่มเป้าหมายการทำตลาด และยังทำให้สามารถประเมินราคาของทรัพย์สินทั่วทุกภูมิภาคได้อย่างเหมาะสมและแม่นยำยิ่งขึ้น"

ทั้งนี้ จากความสำเร็จด้วยปัจจัยต่างๆ ดังกล่าวทำให้ BAM มีความแข็งแกร่งทั้งทางด้านการเงินและการดำเนินงาน โดย BAM มีจุดแข็งในการบริหารจัดการ NPL และ NPA เนื่องจากมีเครือข่ายสาขาทั่วประเทศ รวมทั้ง BAM ยังสามารถสร้างกระแสเงินสดจาก NPL และ NPA ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยอาศัยความรู้ความสามารถในการวิเคราะห์ความต้องการของตลาด ด้วยประสบการณ์ในธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขายมาอย่างยาวนาน และยังร่วมมือกับสถาบันการเงินต่างๆ ที่เป็นพันธมิตรในการช่วยพิจารณาสินเชื่อให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์ NPA ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลเรียกเก็บเงินสดและยอดขายทรัพย์ ลดภาระค่าใช้จ่ายและลดระยะเวลาในการถือครองทรัพย์อีกด้วย


เปิดกว้างบริษัทอสังหาฯ ร่วมทุน ทำ Consortium

นายบัณฑิต กล่าวเพิ่มเติมว่า BAM ได้กำหนดแผนกลยุทธ์ประจำปี 2567 ประกอบด้วย กลยุทธ์การขยายธุรกิจ ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการ Clean Loan ด้วยการจัดกลุ่มลูกหนี้ Clean Loan ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่บริหารเอง กับกลุ่มที่ให้ทนายนอก/Collector บริหารจัดการ เพื่อลดเวลาในการติดตามหนี้ และการดำเนินโครงการกิจการค้าร่วม (Consortium) โดยในเบื้องต้น BAM จะคัดเลือกทรัพย์ประเภทโครงการ เพื่อกำหนดมาตรฐานเงื่อนไข รวมถึงกลยุทธ์การพัฒนาธุรกิจ ได้แก่ การพัฒนา Pricing Model ในการกำหนดราคาซื้อ และเน้นการลงทุนแบบ Selective และการลดค่าใช้จ่าย ลดเวลา ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทางคดี กระบวนการประเมินราคาทรัพย์ รวมถึงปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีความยืดหยุ่น

ในส่วนของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน ได้แก่ การสร้างระบบการให้บริการลูกค้าผ่านช่องทาง Online โดยมีระบบการชำระเงิน ตรวจสอบภาระหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ รวมทั้งการซื้อทรัพย์ผ่าน BAM Mobile Application และเตรียมนำ AI มาช่วยในการวิเคราะห์ลูกหนี้ ทำให้สามารถจำแนกลูกหนี้กลุ่มต่างๆ เพื่อหาแนวทางบริหารจัดการที่เหมาะสมต่อไป

"มองไปข้างหน้า 3-5 ปี BAM ได้วางแนวทางการเป็น Digital Enterprise ซึ่งมีการปรับกระบวนการทำงานหลักสำหรับ NPL NPA LAW และบัญชีการเงิน รวมถึงการสร้างฐานข้อมูลเพื่อนำมาใช้เชิงธุรกิจ และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบงานและข้อมูลสารสนเทศ ในขณะที่ระยะ 3-5 ปี มุ่งสู่การเป็นศูนย์การสร้างมูลค่าทรัพย์ รวมไปถึงการพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับอนาคต Capability Development พร้อมทั้งการจัดทำแผนพัฒนา Successor & Talent และพัฒนา Core Capability เช่น งาน AO : NPL /NPA และงานประเมินราคาทรัพย์สิน"

อังคารนี้ (28) ลงนาม 'ออมสิน' เดินหน้าตั้ง AMC

นายบัณฑิต กล่าวถึงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาหนี้ในระบบ เพื่อส่งเสริมให้ลูกหนี้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอีกครั้ง และช่วยให้หนี้ครัวเรือนปรับตัวลดลงว่า ในวันอังคารที่ 28 พฤษภาคมนี้ ทาง BAM จะมีการลงนามกับธนาคารออมสิน จัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อร่วมกันบริหารจัดการหนี้เสีย (JVAMC) เป็นครั้งแรก โดยมีการถือหุ้นฝ่ายละ 50% ซึ่งรูปแบบการร่วมทุนจะเป็นรูปแบบของ Social Project ขึ้นมา แต่เชื่อมั่นจะมีกำไรพอสมควร ไม่ได้น้อยกว่าที่ BAM ได้รับอยู่ โดยผู้ถือหุ้นต้องได้ไม่ด้อยกว่า BAM ที่มีอยู่ ต้องตอบโจทย์แก้มลิงของระบบเศรษฐกิจ ต้องช่วยให้ระบบเศรษฐกิจดีขึ้น และที่สำคัญการจัดตั้งครั้งนี้สอดคล้องกับแนวทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการช่วยให้หนี้ครัวเรือนลดลง

"เรามองว่าการร่วมทุนครั้งนี้รีเทิร์นไม่หวือหวา แต่สวยนาน ไม่ได้สวยแบบชั่วคราว แต่ตื่นเช้ามาเหมือนซอมบี้ แต่จะสวยทั้งกลางวันและกลางคืน ถ้าทำ JV ดีขึ้น ต้นทุนการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้นตาม ช่วงแรกไม่ต้องไปคิด เรื่องตัวเลขหนี้ที่จะมาบริหาร คงต้องมาดูกัน รายได้ก็เช่นกันต้องไปดูปี 2568 แต่ License ของบริษัทร่วมทุนประมาณ 15 ปี" นายบัณฑิต กล่าว

พร้อมให้มุมมองเรื่องการขยายขอบเขตของ JVAMC ว่า เราสามารถที่จะเข้าไปดูแลหรือซื้อหนี้ประกันจากกรมบังคับคดี ที่เป็นส่วนของหน่วยงานรัฐได้ฟ้องดำเนินการอยู่ เช่น กรมสรรพากร กรมศุลกากร เป็นต้น


กำลังโหลดความคิดเห็น