นายกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ อดีตประธาน บริษัท เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ มือกฎหมายธุรกิจ ได้รับการคัดเลือกให้เข้ามาเป็นประธานคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยคนที่ 19 พร้อมกับความคาดหวัง
การปราบปรามการฉ้อฉล การทุจริต การปั่นหุ้น และการเอารัดเอาเปรียบประชาชนผู้ลงทุนในรูปแบบต่างๆ อย่างจริงจัง
ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีประธานมาแล้ว 18 คน แต่ไม่เคยมีคนใดประกาศจุดยืนปราบปรามแก๊งมิจฉาชีพและอาชญากรในตลาดหุ้น
ตำแหน่งประธานตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ผ่านมา เป็นเหมือนตัวประกอบขององค์กรกำกับดูแลตลาดหุ้นเท่านั้น ไม่ได้มีบทบาทแก้ปัญหาในตลาดหุ้นแต่อย่างใด
ประธานตลาดหลักทรัพย์หลายคน สาธารณชนไม่รู้จักชื่อด้วยซ้ำตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งและทำงานจนครบวาระ และส่วนใหญ่ไม่เคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับเป้าหมายหรือนโยบายการทำงาน โดยนั่งในตำแหน่งจนครบวาระ แต่ไม่มีผลงานใดๆ
แต่นายกิติพงศ์ เป็นประธานตลาดหลักทรัพย์คนแรกที่มีความแตกต่าง เพราะเมื่อได้รับการแต่งตั้งได้ประกาศเป้าหมายการทำงานในทันที โดยพุ่งไปที่การปราบปรามกลุ่มทุจริตปั่นหุ้น
นายกิติพงศ์ มีความรู้และมองเห็นปัญหาในตลาดหุ้นอย่างดี รู้ว่าพฤติกรรมการปั่นหุ้น การใช้ข้อมูลวงในแสวงหาประโยชน์จากการซื้อขาย หรืออินไซเดอร์เทรดดิ้ง เอาเปรียบประชาชนผู้ลงทุนทั่วไปยังขยายตัวในวงกว้าง
การกระทำความผิดต่างๆ ในตลาดหุ้นมีความซับซ้อนขึ้น และทำกันเป็นขบวนการ โดยร่วมมือกันหลายภาคส่วน ทั้งนักลงทุน ที่ปรึกษาการลงทุน ซึ่งมีตัวละครมากมาย จนตรวจสอบและเอาผิดยากขึ้น
การจัดการกับอาชญากรรมตลาดทุนจึงอาศัยความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน เพราะอาชญากรรมในตลาดทุนเติบโตขึ้น เนื่องจากผลประโยชน์เยอะ คุ้มกับการเสี่ยงในการทำความผิด แต่คนที่ได้รับผลกระทบคือ นักลงทุนรายย่อย ซึ่งไม่ช่ำชองในการกลั่นกรองข้อมูล และเชื่ออะไรง่ายเกินไป
ตั้งแต่คดีการแต่งบัญชี ซึ่งเป็นข่าวฉาวโฉ่บันลือโลก กรณี บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK สังคมเกิดการตื่นตัวกับปัญหาอาชญากรรมในตลาดหุ้น
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ส่งสัญญาณหลายครั้งถึงสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กำชับให้เร่งเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน และดำเนินมาตรการที่เข้มงวด กำจัดพฤติกรรมความผิดในตลาดหุ้น เพื่อปกป้องประชาชนผู้ลงทุน
แต่ทั้ง 2 หน่วยงาน ยังไม่มีมาตรการใดที่เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนได้ ขณะที่การกำกับการกระทำผิดในตลาดหุ้นยังไม่มีมาตรการใดที่เด็ดขาด และสามารถสร้างความยำเกรงกับบรรดาอาชญากรรมหุ้นแม้แต่น้อย
สังคมเกิดการตื่นตัวกับหายนะของประชาชนผู้ลงทุน จากแก๊งมิจฉาชีพที่เติบใหญ่ขึ้นทุกทีในตลาดหุ้น กังวลกับหายนะของประชาชนผู้ลงทุนจากการถูกปล้น ถูกฉ้อโกง ถูกต้มตุ๋นจากอาชญากรหุ้น
แต่ ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์แทบไม่มีการปรับปรุงระบบการทำงานใดๆ ไม่มีมาตรการใดที่ทำให้นักลงทุนมั่นใจได้ว่า เดินเข้ามาในตลาดหุ้นแล้วจะไม่ถูกโกงหรือถูกหลอกต้ม
และมั่นใจได้ 100% ว่า ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์จะปกป้องนักลงทุนรายย่อยอย่างสุดชีวิต
ตลาดหุ้นก่อตั้งมาแล้ว 49 ปี แต่แก๊งอาชญากรในตลาดหุ้นกลับเบ่งบานขึ้นทุกที และถึงเวลาที่จะต้องมีใครลุกขึ้นทำหน้าที่ กวาดล้างตลาดหุ้นให้ใสสะอาด
จะต้องมีใครสักคนทำหน้าที่กำจัด ปราบปรามอาชญากรในตลาดหุ้นให้สิ้นซาก ทุกพฤติกรรมความผิดที่สร้างความเสียหายให้ประชาชนผู้ลงทุน จะต้องถูกดำเนินคดีและลงโทษอย่างเด็ดขาด
นายกิติพงศ์ ประธานตลาดหลักทรัพย์คนที่ 19 กำลังเป็นอัศวินม้าขาวที่ประชาชนผู้ลงทุนรอคอยมายาวนาน
เพราะแสดงจุดยืนอย่างชัดแจ้ง จะฟาดฟันกลุ่มทุจริตปั่นหุ้นให้เป็นคดีตัวอย่าง
ภายใต้ยุคนายกิติพงศ์ คงได้เห็นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดี สำนึกและตระหนัก การทำหน้าที่ดูและปกป้องประชาชนผู้ลงทุนอย่างจริงจังเสียที หลังจากเป็นองค์กรที่ล้มเหลวมา 49 ปีเต็ม