เมื่อไหร่จะมีผู้จัดการตลาดหุ้นสาย “บู๊” / สุนันท์ ศรีจันทรา

ภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้าคงได้รู้ว่าใครจะเข้ามาเป็นกรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยคนใหม่ แทนนายภากร ปิตธวัชชัย ซึ่งจะเกษียณอายุในเดือนกันยายนนี้

การประกาศรับสมัครบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ และมีความเข้าใจในตลาดทุนปิดฉากลงแล้ว เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีผู้สนใจสมัครชิงตำแหน่งกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ คนที่ 14 ประมาณ 8 คน

1 ใน 8 ผู้สมัครที่รู้จักกันดีคือ นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ และดูเหมือนจะเป็นตัวเต็ง

กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์คนที่ 14 อาจเป็นวาระสำคัญของคนในแวดวงตลาดหุ้น แต่กลับไม่เป็นที่สนใจของสาธารณชนมากนัก

เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงผู้นำองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแลและปกป้องผลประโยชน์ของนักลงทุน ไม่เคยนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีในตลาดหุ้น

กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ทั้ง 13 คนที่ผ่านมา ทุกคนมีความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ ความความเข้าใจตลาดทุนทั้งสิ้น แต่ไม่มีใครที่มีความมุ่งมั่น และมีความตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยว เพื่อสร้างตลาดหุ้นให้เป็นแหล่งระดมทุนและแหล่งลงทุนที่ใสสะอาด มีความบริสุทธิ์ยุติธรรม

ไม่มีใครแก้ปัญหาประชาชนผู้ลงทุนที่ถูกถูกเอารัดเอาเปรียบ ถูกโกง และถูกปล้นจากแก๊งมิจฉาชีพที่ฝังตัวในตลาดหุ้น

เป้าหมายการทำงานของกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ที่ผ่านมา หมกมุ่นกับการสร้างมูลค่าการซื้อขายหุ้นให้เติบโต ความภาคภูมิใจที่ดัชนีราคาหุ้นที่พุ่งทะยาน เริงร่ากับจำนวนบริษัทจดทะเบียนใหม่ที่เพิ่มขึ้น และการสร้างผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ๆ

แม้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตลาดหลักทรัพย์สร้างขึ้นจะมอมเมาปลุกเร้าให้นักลงทุนกลายเป็นนักเก็งกำไรเต็มตัวก็ตาม

ตลาดหุ้นเป็นศูนย์รวมของแก๊งปั่นหุ้น แก๊งฉ้อโกงมายาวนาน 49 ปี นับจากการก่อตั้ง

ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนกลายเป็นอาชญากรหุ้น โดยยักย้าย ถ่ายเททรัพย์สินออกจากบริษัทจดทะเบียนในรูปแบบการทำธุรกรรมอำพรางจากการซื้อขายทรัพย์สิน การลงทุนทั้งในและต่างประเทศ สูบเงินของผู้ถือหุ้นจนบริษัทเหลือแต่ซาก

ประชาชนผู้ลงทุนนับแสนนับล้านคนต้องหายนะ ล่มจม เพราะนำเงินมาทิ้งในตลาดหุ้น โดยไม่เคยมีผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์คนใด ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อความล้มเหลวในการทำหน้าที่ปกป้องนักลงทุน

ถ้ากรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์คนที่ 14 ไม่มีอะไรที่แปลกใหม่จาก 13 คนที่ผ่านมา ไม่มีแนวความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ไม่ตระหนักถึงการปฏิรูปตลาดหลักทรัพย์

ไม่มีเป้าหมายกำจัดมิจฉาชีพในตลาดหุ้นให้สิ้นซาก ไม่คิดจะกวาดล้างผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนขี้โกง

และไม่มีอุดมการณ์ปกป้องคุ้มครองประชาชนผู้ลงทุนอยู่ในสมองแม้แต่น้อย

ผู้จัดการตลาดหุ้นคนที่ 14 คงไม่มีอะไรแตกต่างจากผู้จัดการตลาดหุ้นทั้ง 13 คนที่ผ่านไป โดยเข้ามากินเงินเดือนสูงๆ รับโบนัสงามๆ แต่ทำงานกลัวแดดกลัวฝน พยายามรักษาเก้าอี้จนครบวาระและชาด้านกับการบาดเจ็บล้มตายของประชาชนผู้ลงทุนสิ้นเนื้อประดาตัวในตลาดหุ้น

บุคคลที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ และความเข้าใจในตลาดทุนอย่างดี มีถมเถ หาไม่ยาก ยิ่งรายได้ตกเดือนละหลายล้านบาท มีงบรับรองและงบเดินทางดูงานต่างประเทศเป็นว่าเล่น ใครๆ ก็อยากเป็นผู้จัดการตลาดหุ้น

แต่ตลาดหุ้นมีผู้จัดการถึง 13 คนแล้ว ทำไมพฤติกรรมการปั่นหุ้น การเอารัดเอาเปรียบนักลงทุน การหลอกต้ม การโกงจึงขยายตัวในวงกว้างมากขึ้น

ทำไมแก๊งมิจฉาชีพในตลาดหุ้นจึงเจริญรุ่งเรืองมาตลอด

ถ้าไม่มีคนกล้า ถ้าไม่มีคนที่มีจุดมุ่งหมายล้างไพ่ระบบการทำงานของตลาดหลักทรัพย์ เพื่อสร้างตลาดหุ้นให้ใสสะอาด ปราศจากแก๊งมิจฉาชีพ เข้ามาเป็นผู้จัดการตลาดหุ้น

จะเปลี่ยนกรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์อีกกี่สิบคนคน ก็คงเปลี่ยนภาพลักษณ์ตลาดหุ้น ซึ่งถูกมองเป็นบ่อนการพนัน เป็นศูนย์รวมของมิจฉาชีพ พวกขี้โกง และแก๊งต้มตุ๋นไม่ได้

ผู้จัดการตลาดหุ้นคนใหม่ที่มวลชนนักลงทุนต้องการจะต้องเป็นสายบู๊ ทำงานดุดัน พร้อมทุมเทเพื่อกวาดล้างอาชญากรในตลาดหุ้น พร้อมผ่าตัดใหญ่องค์กรตัวเองให้มีประสิทธิภาพในการปกป้องนักลงทุน

ตลาดหุ้นป่วยไข้มาตั้งแต่ก่อกำเนิด เพราะมาตรการกำกับดูแลนักลงทุนอ่อนแอ จนแก๊งมิจฉาชีพเหิมเกริม ปั่นหุ้นและปล้นนักลงทุน โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ไม่เห็นแก่หน้าผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ หรือเลขาธิการ ก.ล.ต.

เกือบครึ่งศตวรรษแล้วที่ตลาดหลักทรัพย์จมปลักอยู่กับการสร้างภาพความมั่นคั่งของตลาดหุ้น การสร้างความเติบโตในเชิงปริมาณ ทั้งจำนวนบริษัทจดทะเบียน มูลค่าการซื้อขายหุ้น

ผู้จัดการตลาดหุ้นคนที่ 14 ถ้าแนวคิดและวิธีการทำงานไม่แตกต่างจาก 13 คนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นคงเป็นศูนย์รวมของแก๊ง 18 มงกุฎต่อไป

ประชาชนที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นอย่าหวังว่าจะได้รับการปกป้องคุ้มครองใดๆ จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย