น.ส.กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เผยเงินบาทวันนี้ (14 พ.ค.) ปิดตลาดที่ระดับ 36.67 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 36.82 บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นตามการฟื้นตัวกลับมาของสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค ขณะที่แรงหนุนเงินดอลลาร์ชะลอลงบางส่วนในช่วงก่อนถ้อยแถลงของประธานเฟด และตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน เม.ย. ของสหรัฐฯ ในคืนนี้ นอกจากนี้ เงินบาทยังมีปัจจัยบวกเพิ่มเติมจากทิศทางฟันด์โฟลว์ในวันนี้ ซึ่งนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทย 2,302 ล้านบาท และ 558 ล้านบาทตามลำดับ
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 36.50-36.85 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก สัญญาณฟันด์โฟลว์ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่น ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ยอดค้าปลีกเดือน เม.ย. และผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กเดือน พ.ค.
มองบาทยังมีแนวโน้มอ่อนค่าใน 1-3 เดือนข้างหน้า
นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคาดการณ์เงินบาทยังมีแรงกดดันด้านอ่อนค่าในช่วง 1-3 เดือนข้างหน้า เนื่องจากจังหวะการปรับลดดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เร็ว และเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยจากต้นปี 2567 เงินบาทอ่อนค่าและผันผวนสูงติด 3 อันดับแรกของสกุลเงินในเอเชีย แม้มีแรงหนุนให้แข็งค่ากลับมาบางจังหวะตามราคาทองคำในตลาดโลกที่พุ่งขึ้นทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์จากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์
ทั้งนี้ ในช่วงที่เงินบาทยังมีโอกาสกลับไปอ่อนค่า ผู้ประกอบการในธุรกิจที่เน้นการนำเข้าวัตถุดิบเพื่อผลิตและขายในประเทศควรเน้นเรื่องการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อลดผลกระทบ