CPANEL เผยทิศทางธุรกิจไตรมาส 2/67 เติบโตต่อเนื่อง เร่งเดินหน้าเจรจาลูกค้าภาครัฐ-เอกชน ชูนวัตกรรม Precast Concrete ที่มีมาตรฐาน ดีไซน์หลากหลาย ลดความเสี่ยงต้นทุน ระยะเวลาก่อสร้าง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์ผู้ประกอบการทุกภาคธุรกิจ สร้างโอกาสรับงานเพิ่ม ด้านผลประกอบการไตรมาส 1/67 รายได้รวม 91.40 ล้านบาท กำไรสุทธิ 10.15 ล้านบาท
นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) (CPANEL) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete) ด้วยระบบอัตโนมัติ (Fully Automated Precast) ที่ใช้สำหรับงานก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจไตรมาส 2 ปี 2567 แนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่อง โดยมีปัจัยสนับสนุนจากมาตรการภาครัฐที่มีส่วนช่วยเร่งการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น ผู้ประกอบการทยอยเปิดขายโครงการใหม่ ส่งผลให้ความต้องการ Precast Concrete เพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน CPANEL ยังได้ขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ นอกเหนือจากภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทในปัจจุบัน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับโครงการทั้งภาครัฐ เอกชนหลายราย เช่น อาคารสำนักงาน โครงการแนวราบแนวสูง โรงแรม โรงพยาบาล โรงงาน นิคมอุตสาหกรรม คลังสินค้า
ปัจจุบัน บริษัทมีปริมาณงานในมือ (Backlog) ประมาณ 1,496 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ภายในปี 2567-2568 และมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 63% โดยบริษัทเตรียมเปิดกำลังการผลิตโรงงานใหม่ในไตรมาส 2 ปี 2567 เพื่อรองรับความต้องการ Precast Concrete ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และรองรับฐานลูกค้าใหม่ ซึ่งจะผลักดันให้รายได้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้
“ปัจจุบันความต้องการใช้แผ่นผนังสำเร็จรูปเพื่อก่อสร้างโครงการไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในภาคธุรกิจอสังหาฯ เท่านั้น โครงการก่อสร้างอาคารรูปแบบต่างๆ ทั้งของหน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจเอกชนอื่นมีความต้องการและให้ความสนใจมากขึ้นเช่นกัน เนื่องจากเป็นวัสดุก่อสร้างที่มีมาตรฐานสูง สามารถดีไซน์ได้หลากหลายตอบโจทย์การใช้งาน และช่วยควบคุมความเสี่ยงในการดำเนินโครงการ ทั้งในด้านต้นทุน ระยะเวลาก่อสร้าง ช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน อีกทั้งยังตอบโจทย์เรื่องความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดปัญหาฝุ่น มลพิษของงานก่อสร้าง ช่วยประหยัดพลังงานทั้งในขั้นตอนก่อสร้าง และการอยู่อาศัย ใช้งาน” นายชาคริต กล่าว
ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 91.40 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 10.15 ล้านบาท ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวลดลงเล็กน้อย เนื่องจากลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เลื่อนการส่งมอบงานโครงการแนวราบ แนวสูงบางส่วนออกไปในไตรมาส 2 ปี 2567