ท่ามกลางข่าวร้ายรุมกระหน่ำรอบด้าน ท่ามกลางแนวโน้มผลประกอบการที่ไม่อาจคาดหวังได้ และยังมีปมธุรกรรมที่ต้องสงสัยในความไม่สุจริตในการบริหารงานภายใน แต่ราคาหุ้นบริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA กลับพุ่งทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา หุ้น NUSA ปิดที่ราคา 29 สตางค์ และกำลังจะแตะจุดต่ำสุดในรอบ 12 เดือนที่ 28 สตางค์ โดยราคาทรุดลง หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สั่งให้บริษัทชี้แจงข้อมูลการขายที่ดินและโครงการอสังหาริมทรัพย์ในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดอย่างมากมาย
ก.ล.ต.ขีดเส้นตายให้ชี้แจงข้อมูลธุรกรรมที่ต้องสงสัยและอาจมีความไม่โปร่งใสในการขายทรัพย์สิน 2 รายการภายในวันที่ 3 พฤษภาคม ซึ่ง NUSA ยังไม่ได้ชี้แจงข้อมูลอะไรที่ชัดเจนออกมา
แต่ราคาหุ้นกลับพุ่งทะยานตั้งแต่เปิดการซื้อขายวันที่ 3 พฤษภาคม ก่อนปิดลงที่ 36 สตางค์ เพิ่มขึ้น 7 สตางค์ หรือเพิ่มขึ้น 24.14% ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่หนาแน่นขึ้นอย่างผิดหูผิดตา 98.25 ล้านบาท
ไม่มีข่าวดี หรือปัจจัยบวกที่กระตุ้นราคาหุ้น NUSA แต่อย่างใด จึงมีคำถามว่า ราคาหุ้นพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงด้วยเหตุผลใด และใครเป็นคนลากขึ้นมา
แน่นอนว่าแรงซื้อที่จุดพลุไล่ราคาหุ้น NUSA คงไม่ใช่นักลงทุนรายย่อย แต่น่าจะเป็นนักลงทุนรายใหญ่ ซึ่งหาคำตอบไม่ได้ว่าจะลากหุ้น NUSA ขึ้นมาเพื่ออะไร
จะล่อให้นักลงทุนรายย่อยแห่กันเข้าไปเก็งกำไรก็ไม่น่าจะใช่ เพราะนักลงทุนที่ไหนจะกล้าเข้าไปเสี่ยงกับ NUSA ซึ่งมีหนี้ที่รอชำระอยู่หลายพันล้านบาท และผลประกอบการบริษัทขาดทุนติดต่อหลายปี โดยไม่มีสัญญาณฟื้น
นอกจากนั้น ยังมีปัญหาความขัดแย้งการบริหารงานภายใน และการชิงอำนาจควบคุมการบริหารระหว่างกลุ่มนายประเดช กิตติอิสรานนท์ กับกลุ่มนายวิษณุ เทพเจริญ
รวมทั้งยังมีธุรกรรมที่ต้องสงสัย ซึ่งอาจสร้างความเสียหายซ้ำเติมบริษัทที่กำลังมีปัญหาฐานะทางการเงิน
ผู้ถือหุ้นรายย่อย NUSA ที่ปรากฏในการปิดสมุดทะเบียนล่าสุด จำนวน 8,755 ราย ส่วนใหญ่คงอยากจะออกจากหุ้น NUSA เพียงแต่ติดเงื่อนไข ทำใจตัดขายขาดทุนไม่ได้ เพราะติดหุ้นต้นทุนสูง จึงต้องทนถือหุ้นอยู่ โดยหวังว่าราคาจะดีดตัวขึ้นมาถึงระดับที่ทำใจยอมตัดขายขาดทุนได้
แต่ NUSA จะเด้งกลับขึ้นมาในระดับ 1 บาท หรือระดับราคาสูงสุดที่เคยทำไว้ประมาณ 2 บาท ได้อย่างไร แม้กลุ่มนายประเดช จะเข้ามาคุมอำนาจบริหารงานเบ็ดเสร็จก็ตาม
เพราะมองไม่เห็นถึงโอกาสที่ผลประกอบการบริษัทจะกระเตื้องขึ้น และพลิกจากการขาดทุนป่นปี้จนกลับมีกำไรได้
นักลงทุนทั่วไปคงไม่มีใครอยากเข้ามาเสี่ยงกับ NUSA ซึ่งเป็นหุ้นที่ตกเป็นเป้าสายตาของ ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ ขณะที่ผลประกอบการบริษัทย่ำแย่ต่อเนื่องหลายปี
หุ้นในตลาดหลักทรัพย์และตลาด MAI มีประมาณ 900 บริษัท ซึ่งนับร้อยบริษัทมีกำไรต่อเนื่อง จ่ายเงินปันผลทุกปี ทำไมจะต้องมาเล่นหุ้น NUSA
ราคาหุ้น NUSA ที่พุ่งทะยานอย่างร้อนแรง และเคาะซื้อขายกันสนั่นหวั่นไหวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ไม่มีคำอธิบายปัจจัยกระตุ้นทางด้านปัจจัยพื้นฐาน นอกจากคาดเดากันว่าน่าจะมีนักลงทุนรายใหญ่เข้ามา “กระชาก” ราคาขึ้น โดยไม่รู้ว่ามีเป้าหมายใด
แต่นักลงทุนควรถอยออกห่างจาก NUSA ส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ติดค้างอยู่ในหุ้นตัวนี้ น่าจะได้โอกาสดีในการขายหุ้น
ได้โอกาสดีในการโยนหุ้นทิ้งใส่มือรายใหญ่ที่ลากหุ้น NUSA รอบนี้
