หุ้นบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH พุ่งทะยานขึ้นทันทีหลังประกาศผลประกอบการไตรมาสแรก โดยมีกำไรที่เติบโต กระตุ้นให้นักลงทุนแห่เข้ามาไล่เก็บหุ้น
BH ประกาศผลประกอบไตรมาสแรกปี 2567 ก่อนเปิดการซื้อขายหุ้นวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา โดยมีกำไรสุทธิ 1,984.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,583.37 ล้านบาท
เมื่อเปิดการซื้อขาย ราคาหุ้น BH พุ่งขึ้นทันที ท่ามกลางมูลค่าซื้อขายที่หนาแน่น ก่อนปิดการซื้อขายที่ราคา 253 บาท เพิ่มขึ้น 22 บาท หรือเพิ่มขึ้น 9.52% มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 5,090.56 ล้านบาท และเป็นหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดอันดับ 1 ประจำวัน
กำไรที่เติบโตอย่างโดดเด่นจนนักลงทุนแห่กันไล่ซื้อหุ้น ทำให้หุ้นบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ได้รับอานิสงส์ไปด้วย เพราะนักลงทุนเข้ามาไล่ซื้อ ทำให้ราคาปรับตัวขึ้น โดยปิดที่ 28.75 บาท เพิ่มขึ้น 50 สตางค์ มูลค่าซื้อขาย 2,468.81 ล้านบาท และเป็นหุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดเป็นอันดับ 2
หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลยังอยู่ในคำแนะนำของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ โดยได้รับผลพวงจากการที่ต่างชาติกลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย และรายได้มีแนวโน้มเติบโตสม่ำเสมอ และแม้ว่าราคาหุ้นอาจยืนอยู่ในระดับสูง แต่เมื่อเทียบกับแนวโน้มการเติบโตของผลดำเนินงานจึงอยู่ในความสนใจของนักลงทุนระยะยาว รวมทั้งนักลงทุนสถาบัน
ในรอบ 12 เดือน BH เคยสร้างจุดสูงสุดที่ 272 บาท และต่ำสุดที่ 210 บาท โดยราคาที่อ่อนตัวลงก่อนหน้าเกิดจากภาวะตลาดหุ้นที่ปรับตัวลง ทำให้หุ้นขนาดใหญ่ปรับตัวลงตาม แต่เมื่อประกาศผลประกอบการออกมามีกำไรเติบโตสูง จึงจูงใจให้นักลงทุนลุยเก็บหุ้น
ค่าพี/อี เรโชของ BH อยู่ที่ 28 เท่า ซึ่งอยู่ในเกณฑ์สูง อัตราเงินปันผลตอบแทน 1.78% ซึ่งไม่ได้โดดเด่น เพียงแต่ผลประกอบการมีกำไรสม่ำเสมอ จ่ายเงินปันผลได้ต่อเนื่อง และเมื่อตัวเลขผลกำไรเติบโตสดใส จึงกระตุ้นนักลงทุนให้ซื้อเก็บ
และนักลงทุนที่เข้ามาเก็บหุ้น BH ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนระยะยาว นำเงินมาพักไว้เพื่อหวังเงินปันผล และกำไรจากส่วนต่างราคา เป็นผลพลอยได้มากกว่า
โบรกเกอร์ 15 แห่ง ได้จัดทำบทวิเคราะห์ หุ้น BH ซึ่งส่วนใหญ่แนะนำให้ซื้อ โดยราคาเป้าหมายเฉลี่ยของ 15 โบรกเกอร์อยู่ที่ 284 บาท แต่บางโบรกเกอร์ให้ราคาเป้าหมายไว้เพียง 246 บาท และบางโบรกเกอร์ตั้งราคาเป้าหมายอยู่ที่ 284 บาท ซึ่งหากพิจารณาจากราคาเป้าหมายเฉลี่ยแล้ว ราคายังมีช่องว่างที่จะปรับตัวขึ้นต่อได้
บริษัทจดทะเบียนกำลังทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาสแรก แม้ว่าภาพรวมผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาสแรกปีนี้อาจไม่เติบโตนัก และไม่ใช่ปัจจัยที่จะกระตุ้นให้บรรยากาศการลงทุนกลับมาคึกคัก
แต่การประกาศผลประกอบการจะมีผลเฉพาะหุ้นรายตัว หุ้นที่มีผลกำไรย่ำแย่อาจถูกนักลงทุนเทขายจนราคารูดลงมา ส่วนหุ้นที่ผลประกอบการเติบโตเหนือความคาดหมาย ราคาจะพุ่งทะยาน เช่นเดียวกับหุ้น BH ซึ่งกลายเป็นหุ้นปัจจัยพื้นฐานที่ร้อนแรง
เพราะมูลค่าการซื้อขาย 5,090.56 ล้านบาท เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านม่า มีสัดส่วนการซื้อขายของโปรแกรมเทรด หรือ ROBOT TRADE ถึง 43% แสดงว่า ROBOT ก็ลุยหุ้นขนาดใหญ่ที่มีปัจจัยพื้นฐานดีเหมือนกันถ้ามีช่องทำกำไร
ไตรมาสแรก BH กำไรสวย แต่ราคาพุ่งขึ้นไปตอบรับเต็มอิ่มแล้ว ส่วนราคาจะไปต่อได้หรือไม่ อยู่ที่ความคาดหวังแนวโน้มผลประกอบการไตรมาสที่ 2 เป็นตัวขับเคลื่อน
ถ้าไตรมาสที่ 2 งบยังออกมาสวย BH อาจสร้างจุดสูงสุดใหม่ในรอบปีได้เหมือนกัน