xs
xsm
sm
md
lg

Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าบาทเปิดที่ระดับ 36.93 จับตาแถลงมุมมอง ศก.-ดอกเบี้ยของ ธปท.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (24 เม.ย.) ที่ระดับ 36.93 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 37.07 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.80-37.05 บาท/ดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น (แกว่งตัวในช่วง 36.87-37.07 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยการอ่อนค่าลงต่อเนื่องของเงินดอลลาร์ หลังรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของสหรัฐฯ ที่สำรวจโดย S&P Global เดือนเมษายนออกมาแย่กว่าคาด สะท้อนว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจไม่ได้แข็งแกร่งมากอย่างที่ตลาดประเมิน ทำให้ผู้เล่นในตลาดกลับมาเพิ่มโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้งในปีนี้ นอกจากนี้ เงินบาทยังได้แรงหนุนจากโฟลว์ขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำรีบาวนด์ขึ้นราว +30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์และการย่อตัวลงบ้างของบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทั้งนี้ เงินบาทยังไม่สามารถแข็งค่าต่อเนื่องไปได้มากนัก เนื่องจากผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ต่างรอจังหวะเงินบาทแข็งค่าในการทยอยเข้าซื้อ หรือเพิ่มสถานะ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่า) โดยเฉพาะฝั่งผู้เล่นต่างชาติ หลังบรรดานักวิเคราะห์ต่างชาติต่างปรับคาดการณ์เงินบาทอ่อนค่าลงถึงระดับ 37.50-38 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงไตรมาส 2-3

สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า การพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมาอาจช่วยชะลอโมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทได้บ้าง อีกทั้งเราคาดว่าผู้เล่นในตลาดอาจยังไม่รีบปรับสถานะถือครองค่าเงินในช่วงนี้มานัก เพื่อรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ ทั้ง GDP ไตรมาสแรกของปีนี้ และไฮไลต์สำคัญ อย่างอัตราเงินเฟ้อ PCE รวมถึงรายงานผลประกอบการของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินและทิศทางเงินดอลลาร์ได้ ทำให้เงินดอลลาร์อาจแกว่งตัวในกรอบ sideways ไปก่อน อย่างไรก็ดี เงินบาทจะยังคงเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าเพิ่มเติมจากโฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้นักลงทุนต่างชาติ ทำให้เรามองว่าเงินบาทยังไม่สามารถพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องไปได้ง่ายนัก และประเมินว่า โซนแนวรับของเงินบาทอาจอยู่ในช่วง 36.80-36.85 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่โซน 37.00-37.10 บาทต่อดอลลาร์ จะเป็นโซนแนวต้านในช่วงนี้ จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม

ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในตลาดค่าเงิน ช่วงตลาดทยอยรับรู้การแถลงเกี่ยวกับมุมมองของธนาคารแห่งประเทศไทย ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและการดำเนินนโยบายการเงิน ในงานสัมมนา Monetary Policy Forum หลังผู้เล่นในตลาดเริ่มมองว่า ธปท. อาจไม่ลดดอกเบี้ยในปีนี้ ทว่า หากมีการส่งสัญญาณว่า ธปท. ยังสามารถทยอยลดดอกเบี้ยได้ในปีนี้ อาจเป็นปัจจัยกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงได้บ้าง

อย่างไรก็ตาม เรายังคงมองว่าผู้เล่นในตลาดยังคงต้องเฝ้าระวังและติดตามความเสี่ยงที่ทางการญี่ปุ่นจะเข้าแทรกแซงตลาดค่าเงิน เพื่อหนุนให้เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น โดยเฉพาะหากเงินเยนได้อ่อนค่าทะลุโซน 155 เยนต่อดอลลาร์

สำหรับวันนี้ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน ผ่านรายงานดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจโดย Ifo (IFO Business Climate) ของเยอรมนี และยูโรโซน ในเดือนเมษายน พร้อมทั้งรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของทาง ECB ซึ่งผู้เล่นในตลาดต่างมั่นใจว่า ECB จะเริ่มทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ตั้งแต่การประชุมเดือนมิถุนายนนี้

ส่วนในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นผลการประชุมธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) ซึ่งแม้ว่า ตลาดจะประเมินว่า BI อาจยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 6.00% ทว่า มีความเสี่ยงที่ BI อาจขึ้นดอกเบี้ย +25bps เพื่อช่วยประคองและรักษาเสถียรภาพของค่าเงินรูเปียะห์ (IDR) ได้

สำหรับในฝั่งไทย ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตางานสัมมนา Monetary Policy Forum ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อจับตาการส่งสัญญาณต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของ ธปท. และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้พอสมควรในช่วงนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น