สายงานวิจัยกรุงศรี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) คาดการณ์โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะมีผลต่อเศรษฐกิจราว 0.5-1.1% ของจีดีพี ซึ่งผลกระทบในแต่ละปีจะมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับรายละเอียด เงื่อนไข ช่วงเวลา และการเริ่มโครงการ โดยเมื่อวันที่ 10 เมษายน รัฐบาลได้ชี้แจงแหล่งเงินสำหรับใช้ในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตวงเงินรวม 5 แสนล้านบาท ประกอบด้วย (i) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 วงเงิน 1.75 แสนล้านบาท (ii) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 วงเงิน 1.527 แสนล้านบาท และ (iii) การใช้เงินตามมาตรา 28 ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ โดยใช้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) วงเงิน 1.723 แสนล้านบาท สำหรับเกษตรกร 17 ล้านคน ทั้งนี้ ทางการมีแผนเปิดให้ประชาชนและร้านค้าเริ่มลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการในไตรมาส 3 และกำหนดจะให้ใช้จ่ายได้ภายในไตรมาส 4 ของปีนี้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีรายละเอียดที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับแหล่งที่มาของการระดมทุนสำหรับโครงการนี้ แต่ยังมีอุปสรรคและความไม่แน่นอนรออยู่ข้างหน้า เช่น กระบวนการระดมทุน เงื่อนไขการใช้จ่ายระหว่างประชาชนกับร้านค้าขนาดเล็กในระดับอำเภอ และระหว่างร้านค้ากับร้านค้าไม่จำกัดพื้นที่ การขึ้นเงินสดของร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษีและต้องใช้จ่ายในรอบที่ 2 ขึ้นไป นอกจากนี้ ในส่วนของงบประมาณปี 2567 เป็นเงินที่รวมอยู่ในประมาณการเศรษฐกิจแล้ว ทั้งนี้ โครงการเติมเงินผ่านดิจิทัลวอลเล็ตแม้เพิ่มความหวังการใช้จ่ายภาคเอกชนที่จะเติบโตเร่งขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ แต่การบริโภคในระยะนี้อาจถูกปัจจัยกดดันจาก (i) กำลังซื้อที่อ่อนแอลงในไตรมาส 2/2567 หลังจากสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านโครงการ Easy E-Receipt ในเดือนกุมภาพันธ์ (ii) แนวโน้มรายได้เกษตรกรที่หดตัวจากการลดลงของผลผลิต และ (iii) ภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงถึง 91.3% ของ GDP ณ สิ้นไตรมาส 4/2566
ทั้งนี้ ภาคท่องเที่ยวยังคงเป็นความหวังหลักในการขับเคลื่อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยในไตรมาสแรกของปี 2567 มีจำนวนนักท่อง เที่ยวต่างชาติเข้าไทยรวมทั้งสิ้น 9.37 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 8.10 ล้านคนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีก่อน และคิดเป็น 87% ของช่วงเดียวกันในปี 2562 (ก่อนเกิดการระบาดโควิด) ด้านรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 454,653 ล้านบาท หรือคิดเป็น 88% ของช่วงก่อนเกิดการระบาดโควิด ซึ่งนับว่าทางด้านรายได้มีพัฒนาการที่ดีขึ้นจากปี 2566 ซึ่งมีรายได้จากการท่องเที่ยวราว 63% ของช่วงก่อนเกิดระบาด อย่างไรก็ตาม ด้านนักท่องเที่ยวจากจีนช่วงไตรมาส 1/2567 ยังต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดการระบาด (56% ของช่วงก่อนเกิดระบาด) นอกจากนี้ แม้ในช่วงเดือนเมษายนภาคท่องเที่ยวอาจยังได้อานิสงส์จากเทศกาลสงกรานต์ แต่แนวโน้มการเติบโตอาจชะลอลงบ้างในช่วงนอกฤดูท่องเที่ยวของไตรมาส 2/2567 ล่าสุด รัฐบาลเตรียมขยายมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa-free) สำหรับนักท่องเที่ยวคาซัคสถานเป็นแบบถาวร จากเดิมซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนสิงหาคมนี้
ดังนั้น ภาคท่องเที่ยวยังเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญในช่วงต้นไตรมาส 2 และยังได้ปัจจัยหนุนจากการขยายมาตรการวีซ่าฟรีเพิ่มเติม กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬารายงานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 14 เมษายน มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยรวมทั้งสิ้นแล้ว 10.72 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 43% สร้างรายได้เข้าประเทศ 518,036 ล้านบาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน 2.03 ล้านคน มาเลเซีย 1.39 ล้านคน รัสเซีย 0.70 ล้านคน เกาหลีใต้ 0.62 ล้านคน และอินเดีย 0.55 ล้านคน