นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ mai ยินดีต้อนรับ บมจ.เทอร์ราไบท์ พลัส เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ภายใต้กลุ่มเทคโนโลยี โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "TERA" ในวันที่ 24 เมษายน 2567
TERA ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ.เน็กซ์ พอยท์ (NEX) มีบริษัทที่เข้าลงทุน 100% 2 แห่ง ได้แก่ บริษัท คลัสเตอร์ ซิสเท็มส์ จำกัด และบริษัท สกายฟร็อก จำกัด โดยกลุ่มบริษัทดำเนินธุรกิจเป็นผู้ออกแบบ ติดตั้ง จัดจำหน่ายอุปกรณ์ด้านไอที และให้บริการเกี่ยวกับระบบโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Information and Communication Technology: ICT) ขนาดใหญ่แบบครบวงจร จัดจำหน่ายและให้บริการด้านระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) บริการระบบเก็บข้อมูลและประมวลผลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในรูปแบบสมาชิกต่อเนื่อง (Cloud & Recurring Services) จัดจำหน่ายและให้บริการซอฟต์แวร์ระบบบริหารจัดการการขนส่งกระจายสินค้าและโลจิสติกส์ (Transportation Management System: TMS) และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และให้บริการ
รวมถึงฝึกอบรมด้านการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) กลุ่มบริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไอทีแบรนด์ชั้นนำ เช่น Hewlett-Packard Enterprise (HPE), DELL Technologies, IBM, Microsoft, AWS, VMware, Veeam เป็นต้น ในปี 2566 บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการขายต่อการให้บริการเท่ากัน 50 : 50% โดยมีกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นภาคเอกชนขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ในหลากหลายกลุ่มธุรกิจ และ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 มีมูลค่างานที่ยังไม่ได้ส่งมอบจำนวน 344 ล้านบาท
TERA มีทุนชำระแล้วหลัง IPO 120 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 150 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 90 ล้านหุ้น เสนอขายต่อผู้ถือหุ้นของ NEX ที่มีสิทธิจองซื้อหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้น (Pre-emptive Rights) ไม่เกิน 36 ล้านหุ้น ผู้มีอุปการคุณของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ไม่น้อยกว่า 41 ล้านหุ้น ผู้มีอุปการคุณของบริษัทหรือบริษัทย่อย ไม่เกิน 4.5 ล้านหุ้น กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทหรือบริษัทย่อย รวมถึงผู้มีความสัมพันธ์ ไม่เกิน 8.5 ล้านหุ้น โดยเสนอขายผู้ลงทุนทุกประเภทระหว่างวันที่ 3-11 เมษายน 2567 ในราคาหุ้นละ 1.75 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 157.50 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 420 ล้านบาท
ทั้งนี้ การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ประมาณ 14.50 เท่า คำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในงวดปี 2566 ซึ่งเท่ากับ 28.96 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.12 บาท โดยมีบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน มีบริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ
นายสุรสิทธิ์ คิวประสพศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TERA เปิดเผยว่า บริษัทดำเนินธุรกิจด้วยประสบการณ์กว่า 19 ปี เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับคู่ค้าเจ้าของผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลมาอย่างต่อเนื่อง ช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน มีทีมงานมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญ มีการให้บริการที่ดี ปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะนำไปใช้ลงทุนในระบบ Cloud ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องที่มีศักยภาพ เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการ
TERA มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือ NEX ถือหุ้น 31.88% นายสุรสิทธิ์ คิวประสพศักดิ์ ถือหุ้น 8.61% และนายจิราวัฒน์ จารุฐิติพันธุ์ ถือหุ้น 7.86% โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท หลังหักเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนดและตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับบริษัท