หุ้นไทยปิดตลาดพลิกกลับมา +17.44 จุด นักวิเคราะห์เผยโดยสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางไม่ขยายความรุนแรงมากขึ้น รวมทั้งการรายงานผลการดำเนินงานของหุ้นกลุ่มธนาคารที่ดีกว่าที่ตลาดคาด มองกรอบการลงทุนวันพรุ่งนี้ แนวรับ 1,345 จุดและแนวต้าน 1,355 จุด แนะจับตาทิศทางการลงทุนและปัจจัยต่างประเทศประเมินว่ายังคงมีแนวโน้มไซด์เวย์
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 22 เมษายน 2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้น +17.44 จุด หรือ 1.31% โดยปิดตลาดที่ 1,349.52 จุด มูลค่าการซื้อขาย 43,139.29 ล้านบาท โดยภาพรวมการซื้อขายหุ้นในวันนี้ ดัชนีปรับตัวเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกตั้งแต่เปิดตลาด จนกระทั้งปิดทำการซื้อขาย โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,350.94 จุดในทิศทางกลับกันที่ปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,339.92 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 413 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 139 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 104 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า +2,387.94 ล้านบาท และนักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิกว่า +372.42 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -1,988.63 ล้านบาท และ บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -771.74 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.KBANK (XD) มูลค่าการซื้อขาย 2,905.99 ล้านบาท ปิดที่ 124.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
2.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,038.25 ล้านบาท ปิดที่ 157.50 บาท ลดลง 2.50 บาท
3.JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,690.12 ล้านบาท ปิดที่ 3.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.54 บาท
4.SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,623.32 ล้านบาท ปิดที่ 104.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
5.BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,346.30 ล้านบาท ปิดที่ 28.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.CBG ปิดที่ 65.75บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท หรือ 6.48%
2.BBL ปิดที่ 142.00บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท หรือ 2.53%
3.MTC ปิดที่ 43.75บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 4.79%
4.GPSC ปิดที่ 48.25บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 4.32%
5.AOT ปิดที่ 65.00บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 3.17%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.PTTEP ปิดที่ 157.50บาท ลดลง 2.50 บาท หรือ 1.56%
2.PTTGCปิดที่ 37.75บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 2.58%
3.MEGA ปิดที่ 40.75บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ1.21%
4.TCAPปิดที่ 48.50บาท ลดลง 0.25 บาท หรือ 0.51%
5.TRUE ปิดที่ 7.65 บาท ลดลง 0.15 บาท หรือ 1.92%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,830.98 จุด เพิ่มขึ้น 24.10 จุด หรือ 1.33% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 827.66 จุด เพิ่มขึ้น 10.86 จุด หรือ 1.33% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 386.95 จุด เพิ่มขึ้น 4.41 จุด หรือ 1.15%
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้น หลังจากเมื่อวันศุกร์ปรับตัวลงแรง โดยสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางไม่ขยายความรุนแรงมากขึ้น รวมทั้งการรายงานผลการดำเนินงานของหุ้นกลุ่มธนาคารที่ดีกว่าที่ตลาดคาด ทำให้หุ้นกลุ่มดังกล่าวปรับตัวขึ้นในวันนี้ รวมทั้งกลุ่มไฟแนนซ์ อาหารและเครื่องดื่ม ก็ปรับตัวขึ้นดี อย่างไรก็ตามมีแรงขายกลุ่มปิโตรเคมี และพลังงานต้นน้ำจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง
โดยปัจจัยในประเทศติดตามการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) และการรายงานผลประกอบการในไตรมาส 1/67 ของบริษัทจดทะเบียน ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางและการรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมี.ค.ของสหรัฐ ในวันศุกร์ที่ 26 เม.ย.
"แนวโน้มในวันพรุ่งนี้คาดดัชนีแกว่งไซด์เวย์ โดยให้กรอบแนวรับ 1,345 จุดและแนวต้าน 1,355 จุด ถ้าผ่านได้จะเป็นสัญญาณบวกทางเทคนิค" นายณัฐพล กล่าวทิ้งท้าย