หุ้นไทยปิดตลาดร่วงแรง -29.44 จุดตาม ซึ่งเป็นไปตามทิศทางเดียวกันกับตลาดต่างประเทศ นักวิเคราะห์เผยภาคการลงทุนกังวลความขัดแย้งในพื้นที่ตะวันออกกลาง หลังจากที่อิหร่านส่งฝูงบินโดรนเข้าโจมตีอิสราเอล ซึ่งตรงกับช่วงหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ของไทย อีกทั้งความตึงเครียดดังกล่าว ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ปรับตัวขึ้นมาแรง ประเมินกรอบการลงทุนวันพรุ่งนี้ มีโอกาสรีบาวด์ได้แต่ไม่แรง โดยมองกรอบแนวรับที่ 1,355 จุดและแนวต้านที่ 1,375 จุด แนะจับตาประเด็น พัฒนาการสงครามในตะวันออกกลาง ขณะที่ในประเทศติดตามการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 17 เม.ย. 2567 ปรับตัวลดลงแรงกว่า -29.44 จุด หรือ -2.11% โดยปิดตลาดที่ 1,366.94 จุด มูลค่าซื้อขาย 62,3396.97 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นในวันนี้ดัชนีปรับตัวลงแรง โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,380.12 จุด ในทิศทางกลับกันที่ปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,363.44 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 62 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 121 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 481 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิกว่า -6,395.39 ล้านบาท และ นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -623.76 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +6,802.04 ล้านบาท และ บัญชี บล. ซื้อขายสุทธิกว่า +217.11 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 4,124.35 ล้านบาท ปิดที่ 164.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท
2.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 3,786.06 ล้านบาท ปิดที่ 55.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
3.SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,835.00 ล้านบาท ปิดที่ 106.00 บาท ลดลง 9.50 บาท
4.DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,751.19 ล้านบาท ปิดที่ 71.50 บาท ลดลง 4.75 บาท
5.ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,722.76 ล้านบาท ปิดที่ 199.50 บาท ลดลง 2.50 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด ได้แก่
1.PTTEP ปิดที่164.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท หรือ 3.80%
(หุ้นกลุ่ม SET 100 วันนี้มีเพียง PTTEP ตัวเดียวเท่านั้นที่ราคาบวก )
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.SCC ปิดที่251.00 บาท ลดลง 8.00 บาท หรือ 3.09%
2.DELTA ปิดที่71.50บาท ลดลง 4.75 บาท หรือ 6.23%
3.AEONTS ปิดที่161.00บาท ลดลง 3.50 บาท หรือ 2.13%
4.GPSC ปิดที่49.75บาท ลดลง 2.75 บาท หรือ 5.24%
5.KCE ปิดที่38.25 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือ 6.13%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,858.13 จุด ลดลง -44.37 จุด หรือ -2.33% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 839.55 จุด ลดลง -19.84 จุด หรือ -2.31% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 389.88 จุด ลดลง -10.20 จุด หรือ -2.55%
นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าทีมกลยุทธ์การลงทุน บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ร่วงแรงราว 30 จุด สอดคล้องกับตลาดต่างประเทศที่ปรับตัวลงช่วงวันหยุดยาวของไทย โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ดีดขึ้นมาแรงหลังการเปิดเผยตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจสหรัฐออกมาค่อนข้างดี ลดทอนความคาดหวังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดดอกเบี้ย จากเดิมคาดลดลง 4 ครั้งในปีนี้อาจเหลือแค่อย่างมาก 2 ครั้ง และเดิมเคยคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยครั้งแรกในช่วงเดือนมี.ค.- พ.ค.ขยับออกไปเป็นเดือน ก.ค.
"ประเด็นความขัดแย้งในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลและอิหร่านปะทุขึ้นมารุนแรงอีกครั้งหนึ่ง ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ฟื้นตัวและต้นทุนการผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้น อีกทั้งเกิดความกังวลว่าเงินเฟ้อจะปรับขึ้นตาม ส่งผลให้เฟดอาจไม่สามารถลดดอกเบี้ยได้ในระยะกลาง จากประเด็นต่าง ๆ ทำให้ตลาดหุ้นเข้าสู่สภาวะ Risk off ในระยะสั้น" นายสรพล กล่าว
ขณะที่แนวโน้มตลาดในวันพรุ่งนี้ดัชนีมีโอกาสรีบาวด์ได้แต่ไม่แรง โดยอยู่ในกรอบแนวรับ 1,355 จุดและแนวต้าน 1,375 จุด ประเด็นที่ต้องติดตาม ได้แก่ พัฒนาการสงครามในตะวันออกกลาง ขณะที่ในประเทศติดตามการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ