นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดอาจจะใช้เวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ในการเริ่มพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าการคาดการณ์
"ข้อมูลเมื่อไม่นานมานี้บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง แต่นับตั้งแต่ต้นปีนี้ เงินเฟ้อยังไม่มีความคืบหน้าในการปรับตัวลงสู่เป้าหมายของเราที่ระดับ 2% ข้อมูลในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้น แต่กลับบ่งชี้ว่ากว่าที่เงินเฟ้อจะไปถึงจุดที่จะทำให้เรามั่นใจนั้นอาจจะใช้เวลานานขึ้น"
"ด้วยเหตุนี้ เราจึงคิดว่านโยบายการเงินควรจะอยู่ในระดับที่คุมเข้มต่อไปเพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่เรากำลังเผชิญอยู่" นายพาวเวลกล่าวสุนทรพจน์ในงานเสวนาซึ่งจัดขึ้นที่กรุงวอชิงตันเมื่อวานนี้ (16 เม.ย.) โดยคาดว่าอาจจะเป็นการปรากฏตัวต่อสาธารณชนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมนโยบายการเงินครั้งต่อไปในวันที่ 30 เม.ย.-1 พ.ค.นี้
นายพาวเวลยังกล่าวด้วยว่า "เราสามารถคงนโยบายคุมเข้มด้านการเงินในระดับปัจจุบันเอาไว้ได้นานตราบเท่าที่จำเป็น จนกว่าเงินเฟ้อจะส่งสัญญาณให้เห็นถึงความคืบหน้ามากขึ้น และกว่าที่เจ้าหน้าที่เฟดจะมีความเชื่อมั่นว่าเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ก่อนที่เราจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนั้นอาจจะต้องใช้เวลานานขึ้น"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ พุ่งขึ้นทันทีหลังจากนายพาวเวล ส่งสัญญาณตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีซึ่งมีความอ่อนไหวต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยเฟด พุ่งขึ้นเหนือระดับ 5% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีทะยานขึ้นแตะระดับ 4.657% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย.2566