อิหร่านบุกโจมตีอิสราเอล ทุบราคาบิทคอยน์แตกยับ

หลังจากที่อิหร่านประกาศตอบโต้อิสราเอลด้วยการโจมตีทางอากาศ ส่งผลให้เกิดความกังวลผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง โดยราคาบิทคอยน์ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลหลักปรับตัวร่วงลงทันที พร้อมทั้งสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆรวมแล้วมากถึง -10%

จากการเปิดเผยของ beincrypto ระบุถึงความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นในตะวันออกกลาง เกิดขึ้นทันทีที่ทางอิหร่านส่งโดรนติดอาวุธเข้าโจมตีอิสราเอล ทำให้ภาคการลงทุนต่างๆตอบรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โดยมีการย้ายเม็ดเงินจากตลาดคริปโตซึ่งเป็นสินทรัพย์เสี่ยงสูง กดดันให้ราคาบิทคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลอื่นปรับตัวทางราคาลดลงในทันที ขณะเดียวกันนี้ คาดว่าเม็ดเงินดังกล่าวจะย้ายไปยังสินทรัพย์ปลอดภัยเช่น พันธบัตรรัฐบาล และทองคำ ซึ่งทำให้ราคาซื้อขายทองคำปรับตัวสูงขึ้นอย่างร้อนแรง
 
จากภาวะความตึงเครียดดังกล่าว ทำให้ตลาดคริปโตประสบปัญหาด้านราคาและการย้ายเม็ดเงินออกจากสินทรัพย์เสี่ยงอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยเหรียญต่างๆยอดนิยมหลายเหรียญปรับตัวดิ่งลงมากถึง 2 หลักเพื่อตอบสนองต่อการที่อิหร่านบุกโจมตีอิสราเอล โดยบิทคอยน์ลดลงอย่างรวดเร็วถึง 6,000 ดอลลาร์ภายในไม่กี่นาทีของการโจมตี จากระดับราคาเฉลี่ยที่ 68,000 ดอลลาร์ ลงไปเหลือเพียง 60,800 ดอลลาร์ ก่อนที่จะดีดตัวกลับขึ้นมาที่ 64,400 ดอลลาร์หลังจากนั้นไม่นาน

ในเวลาไล่เลี่ยกัน Ethereum ลดลงจากประมาณ 3,200 ดอลลาร์เหลือ 2,800 ดอลลาร์ก่อนที่จะฟื้นตัวเป็น 3,000 ดอลลาร์ ส่วนสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น BNB, Solana และ Dogecoin ก็ประสบปัญหาการลดลง 5%, 8% และ 10% ตามลำดับในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา


การตอบสนองต่อภาวะการตึงเครียดทางสงครามดังกล่าว ส่งผลให้เกิดผลกระทบอย่างมากสำหรับเทรดเดอร์ โดยข้อมูลจาก Coinglass เผยให้เห็นว่ามีการสูญเสียเงินประมาณ 962.40 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยส่วนใหญ่มาจากนักลงทุนที่เข้าลงทุนในภาวะตลาดกระทิงซึ่งทำให้ต้องขาดทุนจำนวน 771.76 ล้านเหรียญสหรัฐ ในการเปรียบเทียบ ผู้ซื้อขายระยะสั้นขาดทุน 199.63 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากการตกต่ำของตลาด

นอกจากนี้ตามข้อมูลของ Parsec ระบุถึงในส่วนของกลุ่มการลงทุนประเภท DeFi พบว่ามีการชำระบัญชีเกินกว่า 120 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดของการชำระบัญชีในปีนี้

ด้านนักวิเคราะห์จาก QCP Capital มองว่าการขายออกในจำนวนมหาศาลนั้น มาจากบทบาทของบิทคอยน์ในฐานะการป้องกันความเสี่ยงแบบพร็อกซีในช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งเผยให้เห็นผลกระทบเต็มรูปแบบจากปฏิกิริยาการลดความเสี่ยงในทันที นอกจากนี้บริษัทยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า สถานการณ์นี้เป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่จะซื้อเข้าลดปริมาณลง โดยอ้างถึงความสามารถในการทำกำไรในอดีตในสถานการณ์ดังกล่าวในช่วงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญ

ในขณะเดียวกัน จูลิโอ โมเรโน หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ CryptoQuant เน้นย้ำว่าการขายออกจะเป็นการรีเซ็ตกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงของนักลงทุนให้เป็นศูนย์ ซึ่งโดยทั่วไปจะส่งสัญญาณถึงจุดต่ำสุดในตลาดกระทิง


“หลังจากการขายออกในวันนี้ กำไรของเทรดเดอร์จะยังไม่เกิดขึ้นจริง (พื้นที่สีม่วง) จะต่ำที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ (10%) ยิ่งไปกว่านั้น ราคายังใกล้กับราคาที่นักเทรดรับรู้ได้ที่ 58,000 ดอลลาร์อีกด้วย” โมเรโนกล่าวเสริม

ถึงกระนั้น ความตึงเครียดในตะวันออกกลางยังคงมีอยู่ในระดับสูง โดยอิหร่านออกคำเตือนถึงการโจมตีเพิ่มเติม หากอิสราเอลตอบโต้การโจมตีด้วยโดรน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่ถูกคว่ำบาตรอย่างหนัก ระบุว่าได้ถือว่าเรื่องนี้ได้ข้อสรุปแล้ว แต่เตือนถึงการตอบสนองที่จะรุนแรงเพิ่มขึ้นกว่านี้หากอิสราเอลพยายามที่จะตอบโต้กลับอีกครั้งซึ่งถือว่าเป็น “ความผิดพลาด” อย่างร้ายแรง

ขณะที่ คณะผู้แทนถาวรของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านประจำสหประชาชาติ ระบุว่า “ปฏิบัติการทางทหารของอิหร่านเป็นการตอบโต้การรุกรานของระบอบไซออนิสต์ต่อสถานที่ทางการทูตของเราในดามัสกัส ถือว่าเรื่องยุติได้ อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลอิสราเอลทำผิดพลาดอีกครั้ง การตอบสนองของอิหร่านจะรุนแรงยิ่งขึ้นมาก มันเป็นความขัดแย้งระหว่างอิหร่านกับระบอบการปกครองอันชั่วร้ายของอิสราเอล ซึ่งสหรัฐฯ พยายามหนุนหลัง และสหรัฐจะต้องออกห่างจากการหนุนหลังอิสราเอล!”