นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (5 เม.ย.) ที่ระดับ 36.73 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 36.71 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.60-36.80 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงก่อนตลาดรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ และประเมินกรอบ 36.50-37.00 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ sideways (แกว่งตัวในช่วง 36.63-36.76 บาทต่อดอลลาร์) โดยเงินบาทยังคงเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าตามการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาน้ำมันดิบ และจังหวะแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ที่ได้แรงหนุนจากความกังวลแนวโน้มดอกเบี้ย หลังบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดต่างย้ำจุดยืนเฟดไม่ควรรีบลดดอกเบี้ย จนกว่าจะมั่นใจแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อสามารถกลับเข้าสู่เป้าหมายได้ นอกจากนี้ ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีส่วนช่วยหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเช่นกัน
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่าเงินบาทมีโอกาสผันผวนอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้านที่ประเมินไว้แถว 36.80 บาทต่อดอลลาร์ ได้ ในช่วงก่อนทยอยรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในคืนนี้ (เวลาราว 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย) เนื่องจากปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่ายังคงมีอยู่ ทั้งความกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดที่หนุนให้เงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้นบ้าง รวมถึงการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาน้ำมันดิบ ที่กดดันเงินบาทผ่านแนวโน้มการขาดดุลการค้าที่อาจเพิ่มขึ้นจากการนำเข้าพลังงาน รวมถึงความกังวลต่อแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่อาจทำให้เฟดยิ่งไม่รีบลดดอกเบี้ย และทำให้เงินดอลลาร์ยังได้แรงหนุน นอกจากนี้ ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย ทำให้นักลงทุนต่างชาติทยอยขายหุ้นไทยได้บ้าง แต่เรามองว่าแรงขายหุ้นไทยอาจไม่ได้รุนแรง เพราะนักลงทุนต่างชาติได้ขายมาอย่างต่อเนื่องไปพอสมควร อีกทั้งผู้เล่นในตลาดอาจรอจับตารายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในคืนนี้ก่อน ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์เราคาดว่าการย่อตัวลงบ้างของบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก่อนหน้า อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนกลับเข้าซื้อบอนด์ไทยได้บ้าง แต่ทั้งนี้ขึ้นกับรายงานอัตราเงินเฟ้อของไทย ว่าจะเป็นอย่างไร
อย่างไรก็ดี เงินบาทอาจได้แรงหนุนอยู่บ้าง หลังเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นใกล้โซน 151 เยนต่อดอลลาร์ ตามการปรับตัวลงของบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และการปรับสถานะถือครองของผู้เล่นในตลาดก่อนรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ทำให้เงินเยน (JPYTHB) ปรับตัวขึ้นเหนือโซน 24 บาทต่อ 100 เยนอีกครั้ง ทำให้ผู้เล่นในตลาดอาจทยอยขายเงินเยนได้บ้าง ซึ่งอาจพอช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้ นอกจากนี้ ในช่วงโซน 36.75 บาทต่อดอลลาร์ขึ้นไป เรายังเห็นแรงขายเงินดอลลาร์จากผู้เล่นในตลาดอยู่ ทำให้เงินบาทอาจยังไม่ได้อ่อนค่าทะลุโซนแนวต้านที่ประเมินไว้ หากไม่มีปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่าเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ เพราะหากข้อมูลออกมาดีกว่าคาด จนทำให้ผู้เล่นในตลาดยิ่งกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดจะส่งผลให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นได้ไม่ยาก ซึ่งจะกดดันทั้งราคาทองคำ และเงินบาท โดยเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าทะลุโซน 36.80 บาทต่อดอลลาร์ได้ และการอ่อนค่าทะลุโซนดังกล่าว จะเปิดโอกาสให้เงินบาทอ่อนค่าลงต่อทดสอบโซน 37 บาทต่อดอลลาร์ได้อย่างรวดเร็ว ในทางกลับกัน หากผู้เล่นในตลาดคลายกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดลงบ้าง เราคาดว่าเงินบาทอาจแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย เพราะผู้เล่นในตลาดอาจต้องการรอลุ้นผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในสัปดาห์หน้าอยู่ ทำให้โซนแนวรับของเงินบาทอาจยังอยู่แถว 36.50-36.60 บาทต่อดอลลาร์
สำหรับวันนี้ ไฮไลต์สำคัญที่ห้ามพลาดจะอยู่ที่รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ทั้งยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) อัตราการว่างงาน (Unemployment) และอัตราการเติบโตของค่าจ้าง (Average Hourly Earnings) นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดอย่างใกล้ชิดเช่นกัน โดยเฉพาะถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งจะมีกำหนดในช่วงหลังตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ เพื่อประเมินว่าเจ้าหน้าที่เฟดจะมีการปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และนโยบายการเงินเฟดอย่างไรบ้างหลังรับรู้ข้อมูลใหม่ๆ
ส่วนในฝั่งไทย ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนมีนาคม เพื่อประเมินแนวโน้มอุปสงค์ในประเทศ รวมถึงความเป็นไปได้ของการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทยในปีนี้