ผู้อำนวยการฝ่ายบังคับใช้กฏหมายของ ก.ล.ต. ออกมาฟาดกลับ หลังเกิดปัญหาความขัดแย้ง และปะทุชนวนความรุนแรงระหว่างกันหลายครั้งกับชุมชนคริปโต โดยนายเคอร์บี้ กรีวอลล์ ได้ออกมากล่าวถึงพฤติกรรมของชุมชนคริปโตว่ามีความพยายามที่จะเลี่ยงกฏเกณฑ์ เอาความต้องการของตนเองเป็นที่ตั้ง และไม่สนใจที่ดำเนินการตามกฏหมาย ซึ่งที่ผ่านมาอุตฯคริปโตพยายามหาข้ออ้างที่จะทำในสิ่งที่ตนเองต้องการ
นายเคอร์บี้ กรีวอลล์ ผู้อำนวยการกองบังคับใช้ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา หรือ ก.ล.ต. (SEC) ได้ตอบโต้การวิพากษ์วิจารณ์ว่าหน่วยงานกำกับดูแลกำลังสร้างกฎเกณฑ์ควบคุมหรือครอบงำอุตสาหกรรมคริปโต ในขณะที่อุตสาหกรรมเดินหน้าไปโดยมีความอิสระบนพื้นฐานของคริปโต
โดยในงาน SEC Speaks ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมา กรีวอลล์ อ้างว่าบริษัทต่างๆ ในอุตสาหกรรมคคริปโตได้ "พยายามหาข้ออ้างต่างๆอย่างสร้างสรรค์มากมายที่จะหลีกเลี่ยงกฏหมาย" เพื่อหลีกเลี่ยงเขตอำนาจศาลของคณะกรรมาธิการที่จะดำเนินธุรกิจต่อไปในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้เขายังกล่าวถึงความกังวลต่อการตั้งคำถามว่า ก.ล.ต. “กำลังใช้อำนาจเกินขอบเขต” หรือ “สร้างเงื่อนไขควบคุมโดยการใช้อำนาจที่มีมาบังคับใช้อย่างไม่ระมัดระวังเพื่อต้องการฟ้องร้องบริษัทคริปโต" หรือไม่
อย่างไรก็ตาม นายเคอร์บี้ กรีวอลล์ ได้ยกประเด็นถึงกรณีของนายแซม แบงก์แมน ฟรีด เป็นตัวอย่างว่าเป็นหนึ่งของความจำเป็นในการบังคับใช้กฏหมายเพื่อดำเนินคดี หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา ทางศาลได้อ่านคำพิพากษานายแซม อดีตซีอีโอ FTX โดยเขาถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 25 ปี ในทัณฑสถานของรัฐบาลกลาง ในข้อหาฉ้อโกงนักลงทุนในตลาดแลกเปลี่ยนคริปโตรวมถึง “คนที่ถูกบังคับให้ขายบ้าน ขายรถของพวกเขา หรือทำงานที่ล่วงเวลาเพื่อชดเชยความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการกระทำของพวกเขา ”
“ผมขอยืนยันถึงอำนาจของเราในการทำหน้าที่เฉกเช่นเดียวกับตำรวจในการกำกับดูแลภาคส่วนการลงทุน ซึ่งรวมไปถึงอุตสาหกรรมคริปโตด้วย เราจะสามารถก้าวผ่านช่องโหว่ของพวกที่พยายามละเมิดกฏหมาย และแก้ไขปัญหาที่แท้จริงในอุตสาหกรรมนี้ไปได้ เพราะจะทำให้เกิดปัญหานำไปสู่ความเสี่ยงของนักลงทุนที่สูงขึ้น จากการฉ้อโกง ขาดความโปร่งใส การรวมทรัพย์สิน ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ และหากขาดการกำกับดูแล มันจะยิ่งยุ่งเหยิงมากขึ้นเพราะผู้ที่ตกเป็นเหยื่อจะไม่ได้รับการเยียวยาชดเชย และในทางกลับกับ ผู้ฉกฉวยประโยชน์ก็จะลอยนวล ซึ่งปัญหาที่แล้วมา เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น” นายเคอร์บี้ กล่าว
ทั้งนี้ นายเคอร์บี้ ย้ำว่ามาตรฐานของ ก.ล.ต. ในการกำหนดว่าการรักษาความปลอดภัย อยู่ภายใต้การทดสอบก่อนที่ “จะมีการนำไปใช้อย่างชัดเจนและสม่ำเสมอ” เขาไม่ได้กล่าวถึงรายงานโดยเฉพาะเจาะจง ขณะที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำลังสำรวจว่าจะจัดประเภทของสินทรัพย์ดิจิทัล ที่เป็นคริปโต หรือ หลักทรัพย์ซึ่งมีการคาบเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อนอะไรหรือไม่ โดยวางแนวทางจำแนกตามประเภท ให้เป็นหลักทรัพย์มากกว่าเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ ภายใต้ขอบเขตอำนาจของคณะกรรมาธิการการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ในอนาคตของสหรัฐฯ หรือไม่
“สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่การวิเคราะห์ที่เป็นความลับ มันเป็นเอกสารสาธารณะให้คนทั้งโลกได้เห็น แม้แต่ฝ่ายที่โต้แย้งในศาลว่าการกระทำของพวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับกฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐบาลกลางก็ยังใช้กรอบ Howey ภายในเป็นเวลาหลายปีเพื่อประเมินข้อเสนอการกำกับดูแลอุตสาหกรรม ” นายเคอร์บี้ กล่าว
ทั้งนี้ ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ผู้พิพากษาในรัฐยูทาห์ ได้บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต.สำหรับการกระทำโดย "ไม่สุจริต" ในคดีฟ้องร้องบริษัท Debt Box ขณะที่ผู้เข้าร่วมในอุตสาหกรรมจำนวนมาก ชี้ให้เห็นถึงแนวทางที่ไม่สอดคล้องกันของคณะกรรมาธิการในการบังคับใช้บริษัทคริปโตและกองทุนที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยน โดยบอกเป็นนัยว่าอาจนำไปสู่การอพยพย้ายออกจากสหรัฐอเมริกาของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมคริปโต เพื่อหลีกเลี่ยงการกำกับดูแลและการดำเนินบังคับใช้กฏหมาย
ขณะที่ความคิดเห็นของนายเคอร์บี้ เป็นไปตามความเห็นของนางสาวเฮสเตอร์ เพียร์ซ กรรมาธิการ ก.ล.ต.ซึ่งเมื่อวันที่ 2 เมษายน ที่วิพากษ์วิจารณ์หลักเกณฑ์การบัญชีของหน่วยงานกำกับดูแลสำหรับสถาบันที่ต้องการดูแลสินทรัพย์คริปโต