โบรกฯ มองแนวโน้มดัชนีเช้าพักตัว กังวลเฟดลดดอกเบี้ยช้ากว่าคาด-บอนด์ยิลด์พุ่ง ซึ่งเป็น Sentiment เชิงลบต่อตลาดหุ้นในภูมิภาคให้ปรับลง แต่น้ำมันขึ้นช่วยประคอง ขณะที่ปัจจัยในประเทศติดตามผลการประชุม ครม. ซึ่งเมื่อวานนี้ได้มีการขยายกรอบวงเงินงบประมาณปี 68 เพิ่มขึ้น 1.5 แสนล้าน คาดว่าจะนำไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งหากโครงการดังกล่าวทำสำเร็จเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีก แต่อาจมีความกังวลสถานะการเงินการคลังของไทยที่อาจอ่อนแอลง และอาจทำให้มาตรการกระตุ้นในระยะยาวมีข้อจำกัดมากขึ้น ขณะที่ระยะสั้นติดตามค่าเงินบาทที่มีโอกาสอ่อนค่าได้ และ Flow คงจะยังไม่ไหลกลับเข้ามา
นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดดัชนีพักตัว ตามตลาดต่างประเทศหลังตลาดสหรัฐฯ กลับมาติดลบ นักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกช้ากว่าที่ตลาดคาด หลังการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาแข็งแกร่ง โดยเมื่อคืนนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยคำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐฯ ดีกว่าที่ตลาดคาด สอดคล้องกับตัวเลขภาคการผลิตที่ออกมาดีกว่าคาดเช่นเดียวกัน
จากประเด็นดังกล่าวส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (บอนด์ยิลด์) ปรับตัวพุ่งทำจุดสูงสุดของปีนี้ และหุ้นเป็นภาพของการปรับฐานลงไป ซึ่งเป็น Sentiment เชิงลบต่อตลาดหุ้นในภูมิภาคให้ปรับลง แต่เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะไม่ปรับลงแรงกว่าตลาดต่างประเทศ เพราะตลาดหุ้นไทยค่อนข้าง Laggard และยังมี Sentment บวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น
ขณะที่ปัจจัยในประเทศ ติดตามผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งเมื่อวานนี้ได้มีการขยายกรอบวงเงินงบประมาณปี 68 เพิ่มขึ้น 1.5 แสนล้าน คาดว่าจะนำไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งหากโครงการดังกล่าวทำสำเร็จเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีก แต่อาจมีความกังวลสถานะการเงินการคลังของไทยที่อาจอ่อนแอลง และอาจทำให้มาตรการกระตุ้นในระยะยาวมีข้อจำกัดมากขึ้น ขณะที่ระยะสั้นติดตามค่าเงินบาทที่มีโอกาสอ่อนค่าได้ และ Flow คงจะยังไม่ไหลกลับเข้ามา
โดยให้กรอบแนวรับ 1,370 จุด และแนวต้าน 1,385 จุด