นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (3 เม.ย.) ที่ระดับ 36.62 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 36.64 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.45-36.75 บาท/ดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนก่อนหน้าค่าเงินบาทผันผวนในกรอบ sideways (แกว่งตัวในช่วง 36.58-36.68 บาทต่อดอลลาร์) โดยเคลื่อนไหวผันผวนไปตามโฟลว์ธุรกรรมราคาทองคำ และทิศทางของเงินดอลลาร์ ซึ่งในส่วนของเงินดอลลาร์นั้นแม้ว่าจะอ่อนค่าลงต่อเนื่องจากแรงขายทำกำไรของผู้เล่นในตลาด ทว่าเงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนจากรายงานยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (Job Openings) ที่ออกมาใกล้เคียงที่ตลาดคาดการณ์ไว้และยังอยู่ในระดับสูงราว 8.76 ล้านตำแหน่ง อีกทั้งถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงย้ำมุมมองว่าเฟดจะยังไม่รีบลดดอกเบี้ย จนกว่าจะมั่นใจในการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อ ยังทำให้ผู้เล่นในตลาดมีความกังวลต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดอยู่บ้าง
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า ปัจจัยกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่านั้นยังคงมีอยู่ ทำให้เงินบาทยังมีความเสี่ยงที่จะผันผวนอ่อนค่าลงได้บ้าง ทว่า เราเริ่มเห็นสัญญาณโมเมนตัมการอ่อนค่าที่ชะลอลง จากการประเมินปัจจัยเชิงเทคนิคัล เช่น สัญญาณ Bearish Divergence เมื่อประเมินจากภาพการเคลื่อนไหวของเงินบาทรายชั่วโมง และราย 4 ชั่วโมง อีกทั้งเรามองว่าเงินบาทอาจพอได้แรงหนุนอยู่บ้างจากโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำสามารถรีบาวนด์ปรับตัวสูงขึ้นได้ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างรอทยอยขายเงินดอลลาร์ในช่วงเงินบาทอ่อนค่าลง ทำให้เราประเมินว่า เงินบาทอาจยังมีแนวต้านในโซน 36.70- 36.80 บาทต่อดอลลาร์
ทั้งนี้ ควรจับตาทิศทางเงินหยวนจีน (CNY) ในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานดัชนี Caixin PMI ภาคการบริการ เพราะหากออกมาดีกว่าคาด และสะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ดีขึ้นต่อเนื่องอาจช่วยหนุนให้เงินหยวนพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นได้บ้าง ซึ่งจะช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้ อย่างไรก็ดี เรายังคงกังวลว่านักลงทุนต่างชาติอาจทยอยขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติม ทำให้เงินบาทยังมีความเสี่ยงผันผวนอ่อนค่าจากโฟลว์ขายสินทรัพย์ไทยของนักลงทุนต่างชาติได้ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดการเงินโดยรวมอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง
และที่สำคัญ ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด
สำหรับวันนี้ ไฮไลต์สำคัญที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด คือ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจฝั่งสหรัฐฯ อย่างดัชนี ISM ภาคการบริการ รวมถึงยอดการจ้างงานภาคเอกชน (ADP Employment) ซึ่งอาจช่วยสะท้อนถึงแนวโน้มการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ที่จะรายงานในวันศุกร์นี้ได้ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะประธานเฟด ทำให้ตลาดการเงินอาจเคลื่อนไหวผันผวนไปตามมุมมองของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดได้ไม่ยาก
ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของยูโรโซนในเดือนมีนาคม ซึ่งอาจสะท้อนถึงแนวโน้มการปรับนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้
และในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานดัชนี Caixin PMI ภาคการบริการที่จะช่วยสะท้อนถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของภาคการบริการ โดยเฉพาะบริษัทขนาดเล็ก-ขนาดกลางของจีน