ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน มี.ค.67 อยู่ที่ระดับ 49.6 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 48.8 ในเดือน ก.พ. จากการเพิ่มขึ้นของความเชื่อมั่นในเกือบทุกองค์ประกอบ ทั้งนี้ ดัชนีอยู่ใกล้เคียงระดับ 50 อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2565
สำหรับความเชื่อมั่นในภาคการผลิตปรับเพิ่มขึ้นในหลายหมวดธุรกิจ นำโดยกลุ่มผลิตยาง และพลาสติก จากการกลับมาสะสมสต๊อกยางของจีน และความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค ส่วนความเชื่อมั่นของกลุ่มผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าปรับเพิ่มขึ้นในเกือบทุกองค์ประกอบ สอดคล้องกับความเชื่อมั่นด้านการส่งออกที่ดีขึ้นในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน
ขณะที่ความเชื่อมั่นในภาคที่มิใช่การผลิต ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยตามความเชื่อมั่นของกลุ่มการค้าส่งที่ดีขึ้นจากด้านผลประกอบการเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นของภาคที่มิใช่การผลิต มีแนวโน้มต่ำลงจากความเชื่อมั่นของภาคการค้าปลีก อสังหาฯ และขนส่งสินค้าเป็นสำคัญ
โดยในอีก 3 เดือนข้างหน้า ดัชนีความเชื่อมั่นโดยรวมลดลงมาอยู่ที่ 51.9 จาก 53.5 ในเดือนก่อน โดยเป็นการปรับลดลงจากองค์ประกอบด้านการผลิต คำสั่งซื้อ และผลประกอบการ สำหรับความเชื่อมั่นในภาคที่มิใช่การผลิต ปรับลดลงมากในเกือบทุกกลุ่มธุรกิจ นำโดยกลุ่มการค้า รวมถึงธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร ที่ความเชื่อมั่นด้านปริมาณการให้บริการ ผลประกอบการ และคำสั่งซื้อ ปรับลดลงมาก ส่วนหนึ่งจากการเข้าสู่ช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นในภาคการผลิตทรงตัว โดยกลุ่มผลิตอาหารและเครื่องดื่มที่ความเชื่อมั่นด้านการผลิตลดลง ส่วนหนึ่งจากภาวะเอลนีโญ ที่ทำให้วัตถุดิบทางการเกษตรมีปริมาณลดลง ขณะที่กลุ่มผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ มีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นเกือบทุกองค์ประกอบ คาดว่าจากปริมาณสินค้าคงคลังของคู่ค้าที่ทยอยลดลง
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจในภาคการผลิตส่วนใหญ่ยังอยู่เหนือระดับ 50 ยกเว้นกลุ่มผลิตยานยนต์ที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ตามความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อ และการจ้างงานที่ลดลงเป็นสำคัญ