หุ้นไทยปิดยังไหลลงปิดตลาดร่วง -10.49 จุด นักวิเคราะห์เผย หุ้นไทยวันนี้ร่วงลงแรงช่วงท้ายตลาดรับความผันผวนตลาดฟิวเจอร์สจากสัญญา SET50 ซีรีย์ H หมดอายุ Roll over เป็นซีรีส์ M อีกทั้งยังมีอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทอ่อนค่าเข้ามากดดันเม็ดเงิน มองกรอบการลงทุนวันพรุ่งนี้แนวรับที่ 1,365 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,382 จุด แนะจับตาตัวเลข PCE สหรัฐ
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 28 มีนาคม 2567 ปรับตัวลดลง -10.49 จุด หรือ -0.76% โดยปิดตลาดที่ 1,370.34 จุด มูลค่าซื้อขาย 33,679.87 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีแกว่งกรอบแคบก่อนลงไปแรงช่วงท้าย โดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,383.60 จุด ในทิศทางกลับกันที่ปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,368.81 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 171 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 191 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 303 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +2,027.35 ล้านบาท และ นักลงทุนสถาบันซื้อขายสุทธิกว่า +228.19 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิกว่า -1,808.11 ล้านบาท และ บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -447.43 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,052.95 ล้านบาท ปิดที่ 16.80 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
2.AOT มูลค่าการซื้อขาย 876.13 ล้านบาท ปิดที่ 65.25 บาท ลดลง 0.25 บาท
3.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 856.96 ล้านบาท ปิดที่ 54.50 บาท ลดลง 0.25 บาท
4.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 837.56 ล้านบาท ปิดที่ 149.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
5.ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 785.31 ล้านบาท ปิดที่ 204.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,857.90 จุด ลดลง -15.32 จุด หรือ -0.82% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 838.31 จุด ลดลง -7.35 จุด หรือ -0.87% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 411.29 จุด ลดลง -1.34 จุด หรือ -0.32%
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าววา ตลาดหุ้นไทยวันนี้ช่วงท้ายปรับตัวลงแรง ส่วนหนึ่งมาจากวันนี้ตลาดฟิวเจอร์สผันผวน โดย SET50 ซีรี่ย์ H หมดอายุและมีการ Roll over ไปซีรี่ย์ M ประกอบกับเงินบาทวันนี้อ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 6 เดือนมาที่ 36.49 บาท เป็นแรงกดดันเม็ดเงินต่างประเทศชะลอเข้า ทำให้มูลค่าการซื้อขายเบาบางมาก
ขณะที่แนวโน้มการลงทุนตลาดหุ้นไทยในเดือน เม.ย.มองว่าน่าจะดีขึ้น ตอบรับงบประมาณรายจ่ายปี 2567 เริ่มเบิกจ่ายได้ และในวันที่ 10 เม.ย. ซึ่งมีการประชุม 2 เรื่องสำคัญ คือ การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) พิจารณาอัตราดอกเบี้ย และประชุมคณะกรรมการเงินดิจิทัลวอลเล็ต ที่รอความชัดเจนของโครงการทั้งแหล่งเงินและเงื่อนไข
"ส่วนแนวโน้มวันพรุ่งนี้ น่าจะมีลุ้นเด้งขึ้น และมีโอกาสทำ Window Dressing วันสุดท้ายของไตรมาส รวมทั้งนักลงทุนยังรอตัวเลขดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ (29 มี.ค.) หากออกมาไม่สูงมากเกินไปก็จะเป็นการยืนยันว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ โดยมองกรอบแนวต้านที่ 1,382 จุด และแนวรับที่ 1,365 จุด" นายศราวุธ กล่าวทิ้งท้าย