สำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้กระทำความผิด 8 รายเพิ่มเติมต่อ DSI กรณีสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษผู้กระทำความผิด 8 ราย เพิ่มเติม ได้แก่ (1) นายไพศาล เกษมศิรินาวิน (2) นายปรีชา วสุโสภณ (3) นายปนิษฐ์ ศุภธาดารัตน์ (4) นายเทียนประเสริฐ พลอำไภ (5) นายวรวุฒิ ศรีโสภิต (6) นายพรเดช อุยะนันทน์ (7) น.ส.ปารณีย์ ชวาลา และ (8) นายปภิณวิช รอดบางยาง ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรณีสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) (MORE) พร้อมกันนี้ได้แจ้งการดำเนินการต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
ตามที่ ก.ล.ต. ได้ดำเนินการกล่าวโทษกลุ่มบุคคลรวม 32 ราย* ในฐานะตัวการร่วม กรณีร่วมกันสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ในการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE ในช่วงระหว่างวันที่ 18 กรกฎาคม-10 พฤศจิกายน 2565 โดยมีพฤติกรรมการส่งคำสั่งซื้อขายในลักษณะที่ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ รวมทั้งส่งคำสั่งซื้อขายในลักษณะต่อเนื่องกัน โดยมุ่งหมายให้ราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE ผิดไปจากสภาพปกติของตลาดอันเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 244/3 (1) และ (2) ประกอบมาตรา 244/5 และมาตรา 244/6 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 (พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ) ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ต่อพนักงานสอบสวน บก.ปอศ. เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2566 นั้น
ก.ล.ต. ได้รับการประสานงานจากคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ** ซึ่งได้รับการแต่งตั้งตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 288/2566 ลงวันที่ 24 ตุลาคม 2566 ให้พิจารณาตรวจสอบบุคคลเพิ่มเติมกรณีอาจมีการสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE ซึ่งจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง ประกอบกับข้อมูลที่ได้รับจาก บก.ปอศ. ในฐานะคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ
ก.ล.ต. จึงพบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่สนับสนุนให้เชื่อได้ว่า บุคคลรวม 8 รายข้างต้น ได้ร่วมกับบุคคลที่ ก.ล.ต. กล่าวโทษไปแล้ว กระทำการสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE ในช่วงระหว่างวันที่ 18 กรกฎาคม-10 พฤศจิกายน 2565 อันเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 244/3 (1) และ (2) ประกอบมาตรา 244/5 และมาตรา 244/6 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษบุคคลทั้ง 8 ราย ต่อ DSI เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป
พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ได้แจ้งการดำเนินการดังกล่าวต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป เนื่องจากความผิดดังกล่าวเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ในการตรวจสอบเพิ่มเติมครั้งนี้ เป็นการประสานความร่วมมือกันระหว่าง ก.ล.ต. กับคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ตามนโยบายในการทำงานเชิงรุกร่วมกันในการสืบสวนและตรวจสอบการกระทำผิดเกี่ยวกับตลาดทุน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย
ทั้งนี้ การกล่าวโทษของ ก.ล.ต. เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวนของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรม ตามลำดับ
“ในกรณีนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ ซึ่ง บก.ปอศ. ที่ทำงานร่วมกับ ก.ล.ต. ตั้งแต่แรกได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ก.ล.ต. ได้ประสานความร่วมมือและทำงานร่วมกับพนักงานสอบสวนอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษผู้กระทำผิดไปแล้วจำนวนหนึ่งกรณีสร้างราคาหุ้น MORE ซึ่งต่อมาปรากฏมีข้อมูลและพยานหลักฐานเพิ่มเติมจาก บก.ปอศ. ดังนั้น ก.ล.ต. จึงได้ขยายผลการตรวจสอบเพื่อดำเนินการกับผู้กระทำผิดเพิ่มเติม ทั้งนี้ ก.ล.ต. มีความยินดีและพร้อมให้การสนับสนุนการทำงานร่วมมือกับพนักงานสอบสวนอย่างเต็มที่” นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ และโฆษก ก.ล.ต. กล่าว