บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยผันผวน เจอแรงกดดันทางด้านความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซียและยูเครนที่เพิ่มสูงขึ้น พร้อมคาดว่าจำนวนครั้งที่ FED ลดดอกเบี้ยในปีนี้มีจำนวนลดลงจากคาดการณ์ก่อนหน้า หลังตัวเลขเงินเฟ้อสูงเกินคาด จึงให้กรอบดัชนีที่ 1,360-1,410 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นที่ได้อานิสงส์จากสภาพอากาศที่มีอุณหภูมิสูงขึ้น ได้แก่ TACC-SAPPE-ICHI-PLUS-COCOCO-MALEE-TIPCO-KOOL
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้มีแนวโน้มผันผวน โดยมีแรงกดดันทางด้านความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มสูงขึ้นหลังรัสเซียโจมตีทางอากาศด้วยขีปนาวุธและโดรน 57 ลูกเป้าหมายคือเคียฟ เป็นการทิ้งระเบิดทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดในยูเครนในรอบกว่า 2 ปีของสงครามเต็มรูปแบบ ตอบโต้เหตุก่อการร้ายกราดยิงในกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย โดยรัฐบาลฝรั่งเศสประกาศยกระดับเตือนภัยก่อการร้ายเป็นระดับสูงสุด
ด้านนายราฟาเอล บอสติก ประธาน FED สาขาแอตแลนตาคาดว่า FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% เพียงครั้งเดียวในปีนี้ ลดลงจากที่เคยคาดไว้ก่อนหน้านี้ว่า FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปเพราะการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อและข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งเกินคาด
ขณะที่ปัจจัยในประเทศมีแรงหนุนจากสภาผู้แทนราษฎรผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 วาระ 2-3 และทางกระทรวงการคลังเปิดไทม์ไลน์ใหม่แจกดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทได้ราว 4Q67 ล่าช้าจากกำหนดเดิม โดยจะมีการประชุมสรุปรายละเอียดทั้งหมดในวันที่ 10 เม.ย. ก่อนส่งต่อให้ ครม.พิจารณา จึงมองกรอบดัชนีที่ 1,360-1,410 จุด
ทั้งนี้ยังคงต้องจับตาปัจจัยกดดันความเชื่อมั่นการลงทุนต่อเนื่อง เช่น วันนี้ 26 มี.ค. วุฒิสภาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 สัปดาห์ที่ 5 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีอุตสาหกรรม วันที่ 29 มี.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย และวันที่ 10 เม.ย. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ส่วนปัจจัยต่างประเทศในวันนี้ 26 มี.ค. สหรัฐฯ รายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน ก.พ. ดัชนีราคาบ้านเดือน ม.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มี.ค. วันที่ 27 มี.ค. อียูรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มี.ค. สหรัฐฯ รายงานสต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันที่ 28 มี.ค. สหรัฐฯ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตัวเลข GDP งวด 4Q66 ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales) เดือน ก.พ. วันที่ 29 มี.ค. ญี่ปุ่นรายงานอัตราว่างงานเดือน ก.พ. ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของกรุงโตเกียวเดือน มี.ค. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.พ. และยอดค้าปลีกเดือน ก.พ. สหรัฐฯ รายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน ก.พ. และสต๊อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือน ก.พ.
ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนหุ้นที่ได้อานิสงส์จากสภาพอากาศที่ปรับตัวร้อนขึ้น โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์ได้แก่ TACC-SAPPE-ICHI-PLUS-COCOCO-MALEE-TIPCO และ KOOL และหุ้นที่ยังคงมีการเก็งกำไรต่อเนื่อง หลังจากสภาผู้แทนราษฎรผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 วาระ 2-3 ได้แก่ CK-STEC-TASCO และ CRANE
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินว่าในส่วนสัปดาห์นี้ตลาดยังคงจับตาประกาศตัวเลขเงินเฟ้อส่วนบุคคล Core PCE และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ คาดตัวเลขเศรษฐกิจอาจอ่อนตัวต่ำกว่าคาดการณ์ อาจเป็นแรงหนุนทองคำทรงตัวระดับสูง ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยประเมินว่าราคาทองคำโอกาสปรับตัวขึ้นจากคาดการณ์ว่า FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยใน 2H67 ระหว่างสัปดาห์หากราคาทองคำอ่อนตัวไม่หลุดแนวรับ 2,150$/oz คำแนะนำ ทยอยเข้าซื้อสะสม