สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า บริษัทสยามพิวรรธน์ จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าหรูหลายแห่ง เช่น สยามพารากอน และไอคอนสยาม กำลังพิจารณาที่จะเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก (IPO) ซึ่งจะเป็นการทำ IPO ครั้งใหญ่ที่สุดของไทยในรอบ 2 ปี
แหล่งข่าวซึ่งไม่ประสงค์ออกนามเปิดเผยกับบลูมเบิร์กว่า สยามพิวรรธน์กำลังเจรจากับธนาคารพาณิชย์ต่างชาติเพื่อให้ยื่นข้อเสนอเกี่ยวกับการทำ IPO ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นก่อนสิ้นปีนี้ พร้อมกับระบุว่า สยามพิวรรธน์มีเป้าหมายที่จะระดมเงินทุนมูลค่า 500-750 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.7-2.6 หมื่นล้านบาท จากการทำ IPO โดยขณะนี้บริษัทยังคงอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณา และอาจตัดสินใจที่จะไม่ทำ IPO
ทั้งนี้ การพิจารณาทำ IPO ของสยามพิวรรธน์มีขึ้นในช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยเริ่มฟื้นตัว หลังจากการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบในช่วงที่โรคโควิด-19 แพร่ระบาด โดยข้อมูลของรัฐบาลไทยระบุว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยทะลุ 8 ล้านคนแล้วในปีนี้
เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของบริษัทสยามพิวรรธน์เปิดเผยกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กเมื่อเดือนก.ย.ปีที่แล้วว่า บริษัทวางแผนที่จะขยายธุรกิจในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในเอเชีย โดยในเวลานั้น บริษัทได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด เป็นที่ปรึกษาด้านการขยายธุรกิจและการระดมเงินทุน ซึ่งรวมถึงความเป็นไปได้ในการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย
ข้อมูลจากบลูมเบิร์กระบุว่า บริษัทของไทยที่เคยระดมทุนจากการทำ IPO ได้มากที่สุดในปี 2565 คือบริษัทไทยประกันชีวิต โดยระดมทุนได้มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ บริษัทสยามพิวรรธน์ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2502 โดยใช้ชื่อในเวลานั้นว่าบริษัทบางกอกอินเตอร์คอนติเนนตอล โฮเต็ลส จำกัด ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทสยามพิวรรธน์ในปี พ.ศ.2546 และเป็นเจ้าของศูนย์การค้าระดับไฮเอนด์หลายแห่ง รวมถึงสยามพารากอน และไอคอนสยาม