นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีบีเอกซ์ จำกัด (มหาชน)(SCB)เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการยื่นขอใบอนุญาตจัดตั้งธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า ภายในสัปดาห์นี้บริษัทจะประกาศพันธมิตร (Partner) เพิ่มเติมอีก 1 ราย ซึ่งเป็นบริษัทเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีจากประเทศจีนในการร่วมยื่นขอใบอนุญาตดังกล่าว หลังจากก่อนหน้านี้ได้ลงนามความร่วมมือกับ KakaoBank ผู้นำด้านธนาคารดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลีใต้
"ตอนนี้คงยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะอยู่ใน 1 หรือ 3 รายแรกหรือไม่ แต่เชื่อว่าโมเดลจะต้องมีความสามารถในด้านเทคโนโลยี และความสามารถในการบริหารความเสี่ยง โดยการเอาข้อมูล (Data) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาใช้ ซึ่งหากเดินในรูปแบบนี้จะสามารถเชื่อมกับพันธมิตรได้อีก และจะทำให้ธุรกิจมีความแข็งแรง และมีต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสิ่งที่สำคัญคือ ประชาชนจะไดรับผลประโยชน์"
**แนะธุรกิจไทยปรับตัวรับ New Chapter**
นอกจากนี้ นายอาทิตย์กล่าวในงาน Prachachat Business Forum ในหัวข้อ The New Chapter ธุรกิจไทย (ในวันที่ไม่เหมือนเดิม) ว่า ในสภาวะที่ธุรกิจต้องเผชิญกับภาวะการเปลี่ยนแปลงจากหลายด้านไม่ว่าจะเป็นความผันผวนใน 3 ด้านหลักๆ ได้แก่ ความร่วมมือในโลกที่ลดลง การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดด และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากสภาพภูมิอากาศ ดังนั้น ไม่ว่าธุรกิจดั้งเดิมที่ดีอยู่แล้ว หรือธุรกิจที่เพิ่งใหม่จึงต้องมีการปรับตัวเพื่อรับกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป
โดยมองว่าธุรกิจดั้งเดิมที่สามารถดำเนินธุรกิจได้ดีอยู่แล้วนั้น มองว่ายังคงรักษาองค์กรธุรกิจดั้งเดิมไว้ให้ดี และปรับด้านการลงทุน รวมถึงบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพจะสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน เช่น กรณีธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ยังคงธุรกิจดั้งเดิม แล้วหันมาพัฒนาด้านการลงทุนและบริหารต้นทุนแทน ขณะที่กลุ่มธุรกิจใหม่ที่ไม่ได้มีมรดกหรือธุรกิจเดิมมาจะต้องเริ่มต้นด้วยมายด์เซ็ตที่นำเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับการลองผิดลองถูกในธุรกิจที่ทำอยู่ได้ เพราะถ้ายิ่งต้นทุนต่ำมากเท่าไหร่เราสามารถลองผิดได้มากขึ้นเช่นกัน และสิ่งที่สำคัญคือ การนำเอาการลองผิดนั้นมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อไป
"เราแบ่งธุรกิจเป็น 3 GEN ใหญ่ๆ ถ้าเทียบกับ SCBX คือกลุ่ม GEN 1 กลุ่มดั้งเดิมหรือกลุ่มที่ประสบความสำเร็จอยู่แล้ว อย่างธนาคารไทยพาณิชย์ก็จะ keep ธุรกิจเดิมไว้ GEN 2 ธุรกิจที่ปรับเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยี อย่าง card x และ GEN 3 สตาร์ท อัป ซึ่งกลุ่มนี้ต้องอึด ต้องเร็ว แม้ว่าจะยังไม่รู้ว่าสิ่งนั้นจะสำเร็จหรือไม่ เป็นหนทางที่ถูกหรือไม่ เพราะเราไม่ได้มี legacy เหมือนกลุ่มธุรกิจที่เขาประสบความสำเร็จอยู่แล้ว ซึ่งก็เหมือนกับ SCBX ที่ยังบอกไม่ได้ว่านี่คือเราประสบความสำเร็จ หรือมาทางที่ถูกต้องแล้ว เพราะยังมีอะไรอีกหลากหลายที่ต้องผ่านเข้ามา แต่สิ่งสำคัญคือเมื่อรู้ว่าผิดต้องนำมาเป็นประโยชน์นำเราไปสู่ทางที่ถูกได้ง่ายขึ้น และอย่าผิดซ้ำๆเดิม"
นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยี AI เข้ามา disrupt ซึ่งในส่วนของ SCBX ให้ความสำคัญเช่นกัน โดยตั้งเป้าหมายมีสัดส่วนรายได้ 75% มาจาก AI ในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยการนำระบบ AI เข้ามาใช้ทั้งหน้าบ้าน หลังบ้าน ซึ่งตรงนี้ต้องยอมรับว่ายังมีปัญหาอยู่บ้าง โดยเฉพาะในด้านบุคลากรที่มองว่าจะได้รับผลกระทบจากการนำเอา AI เข้ามาใช้แทน โดย SCBX ได้จัดให้มีการเรียนรู้เป็นลำดับขั้นเพื่อให้สามารถปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงได้ แต่หากสุดท้ายแล้วไม่สามารถปรับตัวได้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือสิ่งที่พวกเขากลัวกันคือต้องออกจากระบบไป
"ความจริงแล้วประเทศไทยมี location ที่ดี มีความพร้อมในหลายด้าน มีเครื่องจักรที่ดีในหลายด้าน แต่เหมือนเรายังกลัดกระดุมเม็ดแรกไม่ค่อยถูก เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนจะถูกแบ่งเป็น 2 กลุ่มที่ความคิดเห็นไม่ตรงกัน ไม่ว่าใครขึ้นมาจะต้องถกเถียงกัน สุดท้ายไม่ได้ทำอะไรเลยทั้งๆ ที่รู้ว่าปัญหาและทางแก้ไขปัญหาของประเทศจะทำอย่างไร ในจุดนี้ทำอย่างไรที่จะสลายขั้วตรงนี้ลง ให้เกิดความมั่นใจ ความเชื่อมั่น และได้ทำในสิ่งที่ควรจะทำ ซึ่งไม่ใช่เพื่อใครก็เป็นตัวเรา คนรุ่นหลัง แล้วก็ประเทศไทย"