นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (19 มี.ค.) ที่ระดับ 35.99 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 35.98 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.85-36.15 บาท/ดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนก่อนหน้าค่าเงินบาทผันผวนในกรอบ sideways (แกว่งตัวในช่วง 35.94-36.00 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้านสำคัญ 36.00 บาทต่อดอลลาร์ ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ที่ยังพอได้ปัจจัยหนุนจากการปรับตัวขึ้นเล็กน้อยของบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ท่ามกลางความกังวลของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าของเงินบาทยังคงไม่สามารถทะลุผ่านโซนแนวต้านได้ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นผลการประชุมบรรดาธนาคารกลางหลักที่จะเริ่มต้นด้วยการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันอังคารนี้ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดบางส่วน อย่างฝั่งผู้ส่งออกยังคงทยอยขายเงินดอลลาร์อยู่ ทำให้การอ่อนค่าของเงินบาทนั้นชะลอลงบ้าง
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทเสี่ยงที่จะผันผวนสูง โดยเฉพาะในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม BOJ เพราะหาก BOJ ส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น หรือมีการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดได้จริงอาจหนุนให้เงินเยนพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องจากโซนเหนือระดับ 149 เยนต่อดอลลาร์ สู่โซน 148 เยนต่อดอลลาร์ได้ไม่ยาก ซึ่งในภาพดังกล่าวอาจช่วยชะลอการอ่อนค่าลงของเงินบาท ทำให้เงินบาททยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นได้บ้าง ในทางกลับกัน หาก BOJ ย้ำจุดยืนใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายไปก่อนจนกว่าจะมั่นใจในทิศทางอัตราเงินเฟ้อ จะยิ่งกดดันให้เงินเยนผันผวนอ่อนค่า กลับไปเหนือระดับ 150 เยนต่อดอลลาร์ได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน ซึ่งในกรณีดังกล่าวเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าทะลุ 36.00 บาทต่อดอลลาร์ ไปทดสอบโซนแนวต้านถัดไปแถว 36.20 บาทต่อดอลลาร์
ทั้งนี้ ควรจับตาทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ หลังล่าสุดนักลงทุนต่างชาติกลับมาเทขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติม โดยเฉพาะในส่วนบอนด์ไทย ทั้งบอนด์ระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่กดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลง
สำหรับวันนี้ ไฮไลต์สำคัญจะอยู่ที่ผลการประชุม BOJ โดยเราประเมินว่า BOJ อาจยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ -0.10% ตามเดิม ทว่า BOJ อาจมีการส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นต่อแนวโน้มการทยอยใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น เช่น การทยอยปรับลดการเข้าซื้อสินทรัพย์ หรืออาจมีการส่งสัญญาณว่า BOJ อาจทยอยยกเลิก Yields Curve Control ได้ ซึ่งหาก BOJ มีการส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นอาจพอช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ได้บ้าง ในทางกลับกัน หากไม่มีการส่งสัญญาณใดๆ เกี่ยวกับการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น เราคาดว่า เงินเยนมีโอกาสผันผวนอ่อนค่ากลับไปทดสอบโซน 150 เยนต่อดอลลาร์ได้ไม่ยาก (ซึ่งจะเป็นโอกาสในการรอเพิ่มสถานะ Long JPY ได้)
ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนี (ZEW Economic Sentiment) เพื่อช่วยประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน ที่อาจมีผลต่อทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB)