นางจูเลีย หวัง กรรมการบริหารและนักกลยุทธ์ตลาดโลกของบริษัทเจพีมอร์แกน ไพรเวท แบงก์ คาดการณ์ว่า สกุลเงินต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียอาจจะอ่อนค่าลงในปีนี้ แม้มีสัญญาณบ่งชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเร็วๆ นี้ก็ตาม
ที่ผ่านมานั้น สกุลเงินของประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่มักจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยและสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง แต่นางหวัง กล่าวว่า สถานการณ์เช่นนั้นอาจจะไม่เกิดขึ้นในปีนี้ เนื่องจากคาดว่าดอลลาร์อาจจะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือซอฟต์แลนดิ้ง มากกว่าที่จะเผชิญกับภาวะถดถอย
"มีความเป็นไปได้ว่าสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอาจจะยังคงอยู่ในภาวะฟื้นตัว" นางหวังให้สัมภาษณ์ในรายการ "Squawk Box Asia" ของสำนักข่าวซีเอ็นบีซีเมื่อวานนี้ (13 มี.ค.)
ขณะที่นายแซคเตียนดี ซูแพท หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ด้านปริวรรตเงินตราของเมย์แบงก์แสดงความเห็นว่า "การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจจีนอาจจะเป็นปัจจัยสนับสนุนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐในช่วงปลายปีนี้ ผมคาดว่าสกุลเงินในภูมิภาคเชียนั้นจะไม่แข็งค่าขึ้น แต่คาดว่าดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่าตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯืที่ทำผลงานได้ดีในขณะนี้ เนื่องจากนักลงทุนกลุ่มที่คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยนั้นต่างมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะอยู่ในภาวะซอฟต์แลนดิ้งมากกว่าจะถดถอย"
อย่างไรก็ดี นายซูแพทระบุว่า สกุลเงินเอเชียแข็งค่าขึ้นอย่างมากในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เกิดกระแสคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง
ด้านนักวิเคราะห์หลายรายกล่าวว่า สกุลเงินในภูมิภาคเอเชีย เช่น เงินหยวนของจีนและเงินรูปีของอินเดียนั้น อาจจะแข็งค่าขึ้นจากการที่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ และคาดว่าเงินวอนของเกาหลีใต้จะเป็นหนึ่งในสกุลเงินเอเชียที่แข็งค่ามากที่สุด โดยไซมอน ฮาร์วีย์ หัวหน้านักวิเคราะห์ด้านปริวรรตเงินตราจากบริษัทโมเนกซ์คาดการณ์ว่า เงินวอนจะแข็งค่าขึ้นราว 5-10% หากสหรัฐฯ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างมาก และคาดว่าเงินวอนอาจจะแข็งค่าขึ้นเพียง 3% หากสหรัฐฯ ปรับลดดอกเบี้ยลงไม่มากนัก