นายฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือทีเอ็มบีธนชาต (TTB) เปิดเผยถึงแผนธุรกิจของกลุ่มลูกค้ารายย่อยในปี 2567 ว่า ธนาคารยังคงมุ่งเน้นใน 4 กลุ่มลูกค้าที่เชี่ยวชาญ ภายใต้แนวคิด Ecosystem Play ได้แก่ กลุ่มคนมีรถ คนมีบ้าน พนักงานเงินเดือน และลูกค้า Wealth โดยมีแอป ttb touch เป็นแพลตฟอร์มหลักในการเชื่อมต่อโซลูชันและสิทธิประโยชน์จากพันธมิตรของธนาคาร สำหรับเป้าหมายทางธุรกิจนั้น ในส่วนของเงินฝากตั้งเป้าหมายทรงตัวจากปีก่อนที่ 980,000 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชี All Free จำนวน 114,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% เงินฝากประจำทรงตัวที่ 350,000 ล้านบาท และ ME Saving เติบโต 50% จากสิ้นปีก่อนที่ 33,000 ล้านบาท
ด้านสินเชื่อรวมตั้งเป้าหมายเติบโต 1-2% โดยสินเชื่อบ้านเติบโต 1-2% จากยอดคงค้างปีก่อนที่ 316,000 ล้านบาท สินเชื่อรถแลกเงินเติบโต 10% จากยอดคงค้างปีก่อนที่ 8,000 ล้านบาท สินเชื่อรถยนต์เติบโต 1-2% จากยอดคงค้างปีก่อนที่ 401,000 ล้านบาท สินเชื่อรถแลกเงินเติบโต 15-20% จากยอดคงค้างปีก่อนที่ 85,000 คัน บัตรเครดิต ยอดใช้จ่ายเติบโต 20-25% จากปีก่อนที่ 130,000 ล้านบาท สินเชื่อเติบโต 10-15% จากยอดคงค้างปีก่อนที่ 37,000 ล้านบาท มียอดบัตรใหม่ 100,000 ใบ ผ่านพันธมิตรต่างๆ เช่น Global House และเพิ่มการใช้จ่ายผ่านบัตรในหมวด Daily Activity และสินเชื่อบุคคลยอดปล่อยใหม่ 35,000 ล้านบาท 10-15% ยอดสินเชื่อคงค้างเติบโต 10-15% จากยอด 39,000 ล้านบาท ยังคงเจาะกลุ่มพนักงานที่มีบัญชีเงินเดือนกับธนาคารโดยผ่านช่องทาง Digital เพื่อเพิ่มการเข้าถึงได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งมีแผนที่จะเริ่มธุรกิจนาโนไฟแนนซ์ โดยจะเริ่มทดสอบในเดือนเมษายนนี้ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยให้ลูกค้าระดับล่างเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้นอีก
นอกจากนี้ ในกลุ่มลูกค้ามั่งคั่งนั้นตั้งเป้าหมายเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์เพื่อการลงทุน (AUM) 15-20% จาก ณ สิ้นปีก่อนที่ 190,000 ล้านบาท โดยจะเน้นเจาะลูกค้ากลุ่มที่มี AUM สูงกว่า 30 ล้านบาทขึ้นไป โดยจะตั้งทีมงานเพื่อดูแลลูกค้ากลุ่มนี้โดยเฉพาะ รวมถึงเพิ่มสิทธิประโยชน์ ผลิตภัณฑ์ต่างๆ สำหรับลูกค้ากลุ่มนี้ เช่น เงินฝากต่างประเทศซึ่งเหมาะสำหรับกลุ่มที่ส่งลูกเรียนต่างประเทศ และมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าที่ต่อยอดความมั่งคั่ง รวมทั้งแผนที่จะเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมผ่านผลิตภัณฑ์ต่างๆอีกด้วย
ขณะที่ในกลุ่มสินเชื่อบ้านนั้น จะเน้นในกลุ่มบ้านราคา 5 ล้านบาทขึ้นไปซึ่งมีความเสี่ยงต่ำ รวมถึงเพิ่มสัดส่วนบ้านแลกเงินผ่านโครงการรวบหนี้ โดยเน้น Home Refinance ในกลุ่มลูกค้าใหม่ และบ้านแลกเงิน-รวบหนี้เพื่อลดภาระดอกเบี้ยสำหรับลูกค้าเดิม ขณะที่กลุ่มสินเชื่อรถ เน้นสินเชื่อรถใหม่และเพิ่มสัดส่วนรถอีวีซึ่งจากปีก่อนธนาคารมีสัดส่วนสินเชื่อรถอีวี 13-15% ของสินเชื่ออีวีรวม และในปีนี้ตั้งเป้าหมายเพิ่มเป็น 20% โดยจะขยายจากการใช้เครือข่ายดีลเลอร์พันธมิตรของธนาคารเป็นหลัก ส่วนตลาดรถมือสองนั้น ธนาคารจะขยายผ่านแพลตฟอร์ม "รถรู้ใจ" ซึ่งนับตั้งแต่เปิดแพลตฟอร์มสามารถขายได้แล้ว 70,000 คัน แล้ว 8,000 คันขอสินเชื่อของธนาคาร
"เป็นที่รู้กันว่าสินเชื่อบ้าน-รถมีความเสี่ยงที่สูงขึ้น เราจึงค่อนข้างระมัดระวัง เพื่อดูแลให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)ให้อยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ โดยปัจจุบัน NPL สินเชื่อบ้านอยู่ที่ 2.9% มองว่าจะทรงตัวในปีนี้ เพราะสินเชื่อบ้านเราเน้นกลุ่มราคาสูงที่มีความเสี่ยงต่ำ ขณะที่สินเชื่อรถ NPL ค่อนข้างต่ำที่ประมาณ 1% เพราะเราเน้นรถใหม่ รวมถึงพยายามเร่งปรับโครงสร้างหนี้ให้ลูกค้าที่มีปัญหา จากปีก่อนที่เฉลี่ย 6,000 คัน ปีนี้จะพยายามให้ได้ถึง 7,000 คัน ส่วนสินเชื่อบุคล NPL ประมาณ 2.2% น่าจะทรงตัว เพราะลูกค้ากลุ่มหลักเป็นลูกค้าเดิมและลูกค้าบัญชีเงินเดือน"