คณะรัฐมนตรีอนุมัติมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการระดมทุนด้วย "โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน หรือ Investment Token" เพื่อให้ประเทศไทยมีความสามารถในการแข่งขันด้านการเป็นศูนย์กลางการระดมทุนเพิ่มขึ้น โดยสำนักงาน ก.ล.ต. ได้คาดการณ์ว่า ในปี 2567 จะมีการระดมทุนด้วย Investment Token ถึง 18,500 ล้านบาท
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังโดยกรมสรรพากรตระหนักถึงความสำคัญของโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token) ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำหรับการระดมทุนของผู้ประกอบธุรกิจในประเทศ จึงได้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการระดมทุนด้วยโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token)) ต่อคณะรัฐมนตรี โดยกำหนดให้ผู้มีเงินได้ซึ่งได้รับเงินส่วนแบ่งของกำไรหรือผลประโยชน์อื่นใดในลักษณะเดียวกันที่ได้จากการถือหรือครอบครองโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token) ตามมาตรา 40(4)(ซ) แห่งประมวลรัษฎากร และผู้จ่ายเงินได้ได้หักภาษี ณ ที่จ่ายไว้แล้วตามมาตรา 50(2) แห่งประมวลรัษฎากรในอัตราร้อยละ 15 สามารถเลือกไม่นำเงินส่วนแบ่งของกำไรหรือผลประโยชน์อื่นใดนั้นมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เฉพาะกรณีไม่ขอรับเงินภาษีที่ถูกหักไว้คืนหรือไม่ขอเครดิตภาษีที่ถูกหักไว้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ทั้งนี้ สำหรับเงินส่วนแบ่งของกำไรหรือผลประโยชน์อื่นใดที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป
“มาตรการนี้จะทำให้ประเทศไทยมีความสามารถในการแข่งขันด้านการเป็นศูนย์กลางการระดมทุนเพิ่มขึ้น และทำให้ผู้ประกอบธุรกิจในประเทศไทยมีทางเลือก ในการระดมทุนด้วย Investment Token เพิ่มเติมจากการระดมทุนด้วยเครื่องมือดั้งเดิม อันจะส่งผลดีต่อการระดมทุน การลงทุน และการจ้างงานในประเทศ รวมทั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจของประเทศ โดยสำนักงาน ก.ล.ต. ได้คาดการณ์ว่า ในปี 2567 จะมีการระดมทุนด้วย Investment Token ถึง 18,500 ล้านบาท ซึ่งเงินที่ได้จากการระดมทุนดังกล่าวจะเป็นเงินลงทุนในระบบเศรษฐกิจของประเทศต่อไป” อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวเพิ่มเติม
ทั้งนี้หากผู้ประกอบการหรือนักลงทุน มีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานสรรพากรทุกแห่งทั่วประเทศหรือศูนย์สารนิเทศสรรพากร (RD Intelligence Center) โทร. 1161