ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผย ก.พ. มีเงินทุนต่างชาติไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทย
เหตุลดความคาดหวังเรื่องการลดดอกเบี้ยของเฟดเหลือเพียง3ครั้งในปีนี้ ขณะสินทรัพย์เสี่ยงยังร้อนแรง
โดยเฉพาะบิทคอยน์และหุ้นสหรัฐฯ รวมทั้งราคาสินค้าโภคภัณฑ์อย่าง น้ำมัน
และทองคำยังปรับสูงขึ้น
คาดการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวและการส่งออก
ส่วนนักลงทุนกังวลตัวเลขจีดีพี “ ภากร” เผยเตรียมเดินสายโรดโชว์
ดึงนักลงทุนนอกเพิ่มสัดส่วนแตะ50%
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. เปิดเผยว่าเดือนกุมภาพันธ์ 2567 มีเงินทุนต่างชาติไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทยสอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลจากการปรับลดคาดการณ์ GDP ไทย โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ปรับลดแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2567 ไปอยู่ที่ 2.2 – 3.2%
ทั้งนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจมาจากการกลับมาขยายตัวของการส่งออกสินค้าตามการฟื้นตัวของการค้าโลก และการขยายตัวในเกณฑ์ดีของการอุปโภคบริโภคตามการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว โดยนักวิเคราะห์เริ่มปรับประมาณการกำไรของบริษัทในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่ราคาหลักทรัพย์กลุ่มดังกล่าวเริ่มฟื้นตัว อย่างไรก็ดี ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากทั้งในและต่างประเทศ นักวิเคราะห์ให้คำแนะนำกับผู้ลงทุนเข้าซื้อหุ้นตามธีม High Dividend เพราะนอกจากจะได้รับกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ (Passive Income) หุ้นกลุ่มนี้ยังมีผลตอบแทนชนะ SET Index อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งหุ้น High Dividend ยังมีคุณลักษณะเป็นหุ้นปลอดภัย (Defensive) โดยสังเกตจากค่า Beta ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด
"ช่วงต้นปี จะเห็นว่าฟันด์โฟว์จะไหลไปทางสหรัฐมากกว่าแต่พอแนวโน้มของการที่เฟดยังไม่มีโนยายการขยับลดดอกเบี้ย ทำให้เม็ดเงินไหลกลับมายังตลาดเกิดใหม่หรือตลาดที่กำลังพัฒนาอย่าง ทำให้ดัชนีหุ้นไทยขยับเพราะการเข้ามาของเม็ดเงินต่างชาติ "
ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทย
ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2567 SET Index ปิดที่ 1,370.67 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 0.5% จากเดือนก่อนหน้าซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหลักทรัพย์อื่นในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม ปรับลดลง 3.2% เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อนหน้า
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2566 ได้แก่
กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มบริการ กลุ่มเกษตรและอาหาร และ กลุ่มทรัพยากร
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 47,265 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า 29.5% โดยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน 2 เดือนแรกปี 2567 อยู่ที่ 47,185 ล้านบาท ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,246 ล้านบาท ทำให้ใน 2 เดือนแรกของปีนี้ ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวม 27,624 ล้านบาท โดยผู้ลงทุนต่างชาติมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 22
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายใน SET 2 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ. เอ็นแอล ดีเวล ลอปเมนต์ (NL) และ บมจ. ธนาคารไทยเครดิต (CREDIT) และใน mai 3 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ. เพเนเล่ส์มาติก โซลูชั่นส์ (PANEL) บมจ. แนท แอบโซลูท เทคโนโลยีส์ (NAT) บมจ. ยูโร ครีเอชั่นส์ (EURO)
Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2567 อยู่ที่ระดับ 14.3 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.9 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 16.3 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 15.3 เท่าอัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2567 อยู่ที่ระดับ 3.31% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.19%
ภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 393,850 สัญญา ลดลง 2.6% จากเดือนก่อน ที่สำคัญจากการลดลงของ SET50 Index Futures และในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2567 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 399,395 สัญญา ลดลง 25.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่สำคัญจากการลดลงของ SET50 Index Futures และ Single Stock Futures
****เตรียมเดินสายโรดโชว์
เพิ่มนักลงทุนต่างชาติ***
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท. เผยว่าหลังจาก หลังจากไปโรดโชว์่ที่ออสเตรเลีย
พบว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมากและโดยเฉพาะกองทุนHESTAที่ให้ความสนใจในบริษัทที่ดำเนินธุริจเกี่ยวกับสุขภาพ
รวมทั้งพลังงานทดแทน
อุตสาหกรรมพลังงานสีเขียว เน้นที่บริษัทที่ใส่ใจเรื่องของESG ซึ่งที่่ผ่านมาได้รับความสนใจเป็นจำนวนมาก
และถือเป็นสิ่งดี และ ตลท. จะเดืนหน้าเพราะมีแผนจะไปโรดโชว์ประเทศแถบตะวันออกกลาง
สิงคโปร์ อังกฤษ ฮ่องกง รวมทั้งสหรัฐอเมริกาด้วย
เนื่องจาก ตลท.
ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนต่างประเทศแตะ50%
เพิ่มจากปัจจุบันที่มีอยู่ 35-40 %ดังนั้น
การเดินสายโรดโชว์เพื่อนำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุนในต่างประเทศ
เพื่อดึงดูดและเพิ่มความหลากหลายของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนตลาดหุ้นไทยมากขึ้น
เพราะปัจจุบันพบว่าฐานนักลงทุนในประเทศเติบโตช้าหรือน้อยกว่าต่างชาติ
ขณะที่มูลค่าการซื้อขายของทั้งสองกลุ่มไม่ได้ลดลง
แต่ความแตกต่างคือเพิ่มขึ้นในระดับที่ค่อนข้างต่างกัน
สำหรับกรณีการเอาผิดและกำกับ
บจ.ที่ราค่าหุ้นที่มีการซื้อขายผิดปกตินั้น
ตลท.ดำเนินการตามมาตรการที่ออกไปและพบว่าระยะหลังเริ่มป้องกันได้เพราะราคาหุ้นตัวนั้นๆ
จากราคาร้อนแรงก็กลับลดลงมาสู่ระดับปกติ อย่างไรก็ตาม
ตลท.ยังคงหารือกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
(กลต.) เพื่้อหาแนวทางและมาตรการอื่นๆ เมื่่อได้ข้อสรุปก็ทำการเปิดรับฟังความคิดเห็น
เพื่อนำมาปรับปรุงและยกระดับมาตรการกำกับและดูแลใหม่ๆ และประกาศใช้ทันที เพื่อให้ทันสถานการณ์