"พราวฯ" ปรับพอร์ตรุกตลาดบ้านแนวราบมากขึ้น จ่อพัฒนาที่ดิน 82 ไร่ โซนราชพฤกษ์ เปิดบ้านลักชัวรีเจาะกลุ่มลูกค้าเรียลดีมานด์ คาดเห็นความชัดเจนใน Q2 ปี 68 แจงโครงการในพอร์ตยอดขายเป็นไปตามแผน เผยผลประกอบการปี 2566 รายได้ 1,534 ล้านบาท กำไรสุทธิ 102 ล้านบาท ยอดขายเติบโตขึ้น 10 เท่า
นายพสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าตามแผนงานลงทุนซื้อที่ดินแปลงใหม่โซนราชพฤกษ์ กว่า 82 ไร่ เพื่อเตรียมพัฒนาโครงการแนวราบระดับลักชัวรี มูลค่าโครงการโดยประมาณ 3,700 ล้านบาท ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดกำลังซื้อสูง ที่ยังคงมีความต้องการที่อยู่อาศัยบนทำเลศักยภาพสูง สร้างการเติบโตต่อเนื่อง คาดเห็นความชัดเจนภายในไตรมาส 2 ปี 2568
ขณะที่โครงการที่อยู่ระหว่างการขายยังคงได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าชาวไทยและกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ประเทศเป้าหมาย เช่น รัสเซีย จีน และยุโรป บริษัทจึงเดินหน้าปรับกลยุทธ์การตลาดและการขายอย่างต่อเนื่อง เพื่อชูความพิเศษของโครงการ พร้อมเชื่อมโยงกับความต้องการที่หลากหลายสำหรับผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัย ทั้งเพื่ออยู่อาศัยเอง เพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศ เพื่อการลงทุนระยะยาว และปล่อยเช่า
ปัจจุบัน โครงการที่สร้างเสร็จพร้อมขายได้แก่ โครงการ InterContinental Residences Hua Hin (อินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน) มียอดขายแล้วจำนวน 3,681 ล้านบาท จำนวนเหลือขายเพียง 5 ยูนิต คาดปิดการขายโครงการได้ภายในปีนี้ และโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและการก่อสร้าง ได้แก่ โครงการ VEHHA Hua Hin (เวหา หัวหิน) มียอดขายแล้ว 1,154 ล้านบาท โครงการ ROMM Convent (รมย์ คอนแวนต์) มียอดขายแล้วจำนวน 2,022 ล้านบาท โครงการ VI Ari (วี อารีย์) มียอดขายแล้ว 83 ล้านบาท คาดก่อสร้างแล้วเสร็จภายในช่วงครึ่งปีแรกนี้ โครงการ NUE District R9 (นิว ดิสทริค อาร์ 9) มียอดขายแล้วจำนวน 6,203 ล้านบาท สำหรับโครงการ Nue Cross Khu Khot Station (นิว ครอส คูคต สเตชั่น) มียอดขายแล้วจำนวน 2,115 ล้านบาท และอยู่ระหว่างเริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์เข้ามาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน บริษัทมียอดขาย (Backlog) มูลค่ารวม 11,428 ล้านบาท เพื่อทยอยรับรู้เป็นรายได้ต่อเนื่องถึงปี 2569
“แม้ว่าภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในปีนี้ยังคงมีความท้าทายจากปัจจัยต่างๆ แต่บริษัทยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี บนทำเลที่มีศักยภาพ เน้นการออกแบบและบริการที่ดีที่สุด มีมูลค่าเหมาะสมกับกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูงที่เป็นเรียลดีมานด์เพื่อการอยู่อาศัยจริง และเพื่อการลงทุน ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่มากกว่า พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจบนเสถียรภาพการเงินที่แข็งแกร่ง ดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง ควบคู่กับกลยุทธ์บริหารจัดการต้นทุนที่ดินและค่าก่อสร้างให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไรและผลักดันให้รายได้เติบโตสม่ำเสมอ”
สำหรับผลประกอบการปี 2566 บริษัทมีรายได้ 1,534 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 102 ล้านบาท ในขณะที่ยอดขายปี 2566 จำนวน 11,204 ล้านบาท เติบโตขึ้น 10 เท่า เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่จำนวน 1,096 ล้านบาท