บล.เอเซียพลัส คาดการณ์ กำไรบจ. (EPS) ปีนี้อยู่ที่ 92 บาท/หุ้น โต 12% จากปีก่อน ประเมินเป้า SET Index ทั้งปีอยู่ที่ 1,580 -1,600 จุด มองตลาดยังมีอัพไซด์ แถมมีปัจจัยหนุนที่จะเริ่มเข้ามาในเดือน เม.ย. นี้ แนะนำทยอยสะสมหุ้นคุณภาพดี ขณะที่ FETCO เผย ดัชนีเชื่อมั่นนลท. เดือน ก.พ. ปรับสู่เกณฑ์‘ทรงตัว’ เชียร์ หุ้นท่องเที่ยวน่าสนใจ
ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์(บล.) เอเซียพลัส (ASPS) เปิดเผยว่า ได้ประเมินว่าตัวเลขกำไรบริษัทจดทะเบียน(EPS) ปี 2567 หลังการปรับประมาณการแล้วน่าจะอยู่ที่บริเวณ 92 บาท/หุ้น เติบโตราว 12% YOY ภายใต้สมมุติฐานที่กำหนดให้ MARKE EARNING YIELD GAP อยู่ที่ 3.3% อัตราดอกเบี้ยนโยบายไม่เปลี่ยนแปลง อยู่ที่ 2.5% (CONSERVATIVE) จะให้ระดับ SET INDEX เป้าหมายอยู่ที่บริเวณ 1,580 –1,600 จุด เท่ากับว่าที่ระดับ SET INDEX ปัจจุบันมี UPSIDE ที่เปิดอยู่พอสมควร ในเชิงกลยุทธ์ ช่วงเวลาแบบนี้ควรทยอยสะสมหุ้นคุณภาพดีเข้าพอร์ตการลงทุน
ประกอบกับปัจจัยสนับสนุนต่างๆ ทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการเงิน และการคลัง น่าจะทยอยเข้ามาในช่วงเดือน เม.ย. จึงแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นในช่วงนี้น่าจะมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่ดีในระยะกลางถึงยาวได้
FETCO เผย ดัชนีความเชื่อมั่นนลท. เดือนก.พ. สู่เกณฑ์ ‘ทรงตัว’
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 (สำรวจระหว่างวันที่ 20–29 กุมภาพันธ์ 2567) พบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 106.88 ปรับเพิ่มขึ้น 37.8% จากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว”
โดยนักลงทุนมองว่าการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ในขณะที่ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ นโยบายคงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) รองลงมาคือสถานการณ์เงินเฟ้อ และ การไหลออกของเงินทุน
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้
ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (พฤษภาคม 2567) อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” (ช่วงค่าดัชนี 80-119) ปรับเพิ่มขึ้น 37.8% จากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 106.88
ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนสถาบันอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” ในขณะที่ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว”
หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM)
หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ (PETRO)
ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว
ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ นโยบายคงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ
ผลสำรวจ ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2567 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคลปรับเพิ่ม 31.4% อยู่ที่ระดับ 115.00 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับเพิ่ม 14.3% มาอยู่ที่ระดับ 100.00 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับลด 11.9% อยู่ที่ระดับ 122.00 และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศปรับเพิ่ม 66.7% อยู่ที่ระดับ 100
ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ 2567 SET Index มีการปรับตัวดีขึ้นกว่าเดือนก่อนหน้าในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก หลังนักลงทุนมีความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะเริ่มลดดอกเบี้ยลงในเร็ววันนี้ รวมถึงมาตรการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของตลาดหุ้นจีน การส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายทางการเงินอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางญี่ปุ่น การประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่แข็งแกร่งขึ้น และแรงหนุนจากนักลงทุนต่างชาติที่กลับเข้าซื้อหุ้นไทย
ส่งผลให้ SET Index ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ปิดที่ 1,370.67 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.5% จากเดือนก่อนหน้า โดยในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 47,265 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิกว่า 3,246 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปี นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิกว่า 27,624 ล้านบาท