ตลาดหลักทรัพย์ประกาศเตือนนักลงทุน ขอให้ใช้ความระมัดระวังก่อนตัดสินใจลงทุนหุ้นบริษัท เอ็นอีพี อสังหาริมทรัพย์ และอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ NEP เนื่องจากบริษัทยุติการผลิต และอยู่ระหว่างศึกษาธุรกิจใหม่
คณะกรรมการ NEP มีมติเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2566 ยุติการผลิตกระสอบพลาสติกและบรรจุภัณฑ์อ่อน และเลิกจ้างพนักงานสายการผลิตทั้งหมด แต่จะทยอยส่งสินค้าสำเร็จรูปให้ลูกค้าและรับรู้รายได้จนถึงเดือนมิถุนายน 2567 โดยมีแผนธุรกิจเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม กำหนดเวลาสรุปแผนธุรกิจใหม่ในเดือนสิงหาคมถึงกันยายนปีนี้
NEP เป็นหุ้นขนาดเล็ก ผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่อง และมีปัญหา ส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำกว่า 50% ของทุนจดเบียน ถูกตลาดหลักทรัพย์ขึ้นเครื่องหมาย C ต้องซื้อขายหุ้นด้วยเงินสด
การซื้อขายหุ้น NEP เป็นไปอย่างเงียบเหงายาวนาน ราคาหุ้นเคลื่อนไหวแถว 20 สตางค์ ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่บางตาวันละไม่กี่พันบาทหรือไม่กี่หมื่นบาท จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อยมีเพียง 3,315 ราย โดยบริษัท วาวา แพค จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 โดยถือหุ้นในสัดส่วน 19.78% ของทุนจดทะเบียน กระทรวงการคลังถือหุ้นสัดส่วน 12.72%
NEP ในวันนี้เป็นหุ้นที่สงบเงียบ ไม่อยู่ในความสนใจของนักลงทุน ไม่มีฤทธิ์เดชเหมือนหุ้นร้อนทั่วไป แต่ในอดีตช่วงระหว่างปี 2530-2531
NEP เป็นหุ้นเก็งกำไรยอดนิยมมากที่สุด นักลงทุนตั้งแต่เหนือจดใต้แห่เข้าไปเล่นหุ้นตัวนี้ สุดท้ายแทบเหลือแต่ตัวกลับออกจากตลาดหุ้น
NEP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2530 โดยราคาพาร์ 1,000 บาท แต่ลดพาร์เรื่อยมาจนเหลือพาร์ 1 บาท
ฉายาของ NEP ในยุคนั้นคือ หุ้นกระสอบทอง โดยเข้ามาในฐานะหุ้นรัฐวิสาหกิจ เดิมคือ บริษัท กระสอบอีสาน จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตกระสอบปอที่ใช้บรรจุข้าวสารและน้ำตาล มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ มีนายพรเสก กาญจนจารี ประธานบริษัท เนชั่นแนลไทย จำกัด ตัวแทนจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า NATIONAL ที่โด่งดังในยุคนั้นร่วมถือหุ้นใหญ่และเป็นผู้บริหาร
เข้ามาซื้อขายช่วงแรกๆ หุ้น NEP ไม่ได้รับความสนใจมากนัก ราคาเคลื่อนไหวอยู่ประมาณ 10 บาทเศษ แต่มีการสร้างข่าวกระตุ้นการเก็งกำไร ทั้งการปล่อยข่าวลือ และปล่อยเป้าหมายราคาหุ้นที่จะถูกลากขึ้นไป รวมทั้งข่าวการเปลี่ยนมาผลิตกระสอบพลาสติกแทน ทำให้นักลงทุนแห่เข้ามาเก็งกำไร
จนกลายเป็นหุ้นร้อนที่สุด กลายเป็นหุ้นเก็งกำไรยอดนิยมที่สุด โดยราคาถูกลากขึ้นไปถึงประมาณ 80 บาท และมีการปล่อยข่าวว่า จะมีนักลงทุนรายใหญ่ลากขึ้นถึง 120 บาท
แมลงเม่าทั่วทั้งประเทศพร้อมใจกันบินเข้าใส่หุ้น NEP ก่อนที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยุค ดร.มารวย ผดุงสิทธิ์ จะส่งเรื่องให้กระทรวงการคลัง สอบสวนการปั่นหุ้น NEP
ข่าวการสอบปั่นหุ้นไม่เพียงแต่ทำให้หุ้นกระสอบทองถึงจุดอวสาน ราคาดิ่งลงในทันทีเท่านั้น แต่ยังทำให้หุ้นทั้งกระดานถูกเทขายร่วงลงแทบทั้งแผง เพราะนักลงทุนตื่นตระหนกการสอบปั่นหุ้น ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นนับตั้งแต่ปี 2522 หลังยุคหุ้นราชาเงินทุน
จากราคาเฉียด 100 บาท ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ NEP ทรุดลงเหลือไม่กี่บาท ล่าสุดเหลือเพียง 21 สตางค์ นักลงทุนจำนวนมากที่แห่เข้าไปเก็งกำไรเสียหายย่อยยับไปตามๆ กัน โดยสุดท้ายไม่มีใครต้องรับผิดชอบต่อการปั่นราคาหุ้นกระสอบทอง
นับจากการปั่นในครั้งแรกและครั้งเดียว ระหว่างปี 2530-2531 หุ้น NEP ก็ปิดฉากอย่างถาวร กลายเป็นที่เหงาหงอย ไม่มีพิษมีภัยกับใคร และไม่อยู่ในความสนใจของนักลงทุน
อนาคตของ NEP จะเป็นอย่างไร ธุรกิจใหม่เกี่ยวกับส่งแวดล้อม จะพลิกฟื้นผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้ได้หรือไม่ คงจะมีแต่ผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนกว่า 3 พันรายเท่านั้นที่ให้ความสนใจติดตาม
แต่สำหรับนักลงทุนทั่วไป หุ้น NEP ตายสนิทแล้ว หลังตำนานหุ้นเก็งกำไรที่ร้อนที่สุดในยุคปี 2530 ปิดฉากลง และไม่เหลือความน่าสนใจใดๆ ในหุ้นกระสอบทอง