xs
xsm
sm
md
lg

บิทคอย์พุ่งแตะ $68,000 ใกล้ชน ATH ลากเหรียญคริปโตขึ้นยกแผง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ราคาเหรียญบิทคอยน์ (BTC) ปรับตัวพุ่งอย่างต่อเนื่องในช่วงต้นสัปดาห์นี้ โดยใกล้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่ชะลอตัวลงในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดยคอยน์ เมตริกส์ (Coin Metrics) รายงานว่า ราคาบิทคอยน์พุ่งขึ้นเกือบ 9% แตะที่ระดับ 68,370.00 ดอลลาร์สหรัฐ และในช่วงหนึ่งของราคาที่พุ่งขึ้นไปสูงถึง 68,577.00 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2564 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้านราคา ETH ก็มีการปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 4% แตะระดับ 3,630.74 ดอลลาร์สหรัฐ

ด้านสำนักข่าว CNBC รายงานว่า ราคาบิทคอยน์และอีเธอร์เรียมปรับตัวเพิ่มขึ้นสุงสุดในสัปดาห์นี้และในรอบเกือบ 1 ปี โดยราคาบิทคอยน์เพิ่มขึ้นประมาณ 21% ในขณะที่ ETH อีเธอเรียมเพิ่มขึ้น 16%

อย่างไรก็ตาม การพุ่งขึ้นของราคาได้ชะลอตัวลงในช่วงสุดสัปดาห์ ขณะที่นักลงทุนปรับตัวรับการเทขายกองทุน Grayscale Bitcoin Trust (GBTC) และการตื่นตัวของกองทุนซื้อขายบิทคอยน์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไม่นานนี้ ก็กระตุ้นเม็ดเงินไหลเข้าอย่างมีนัยยะสำคัญ

ด้านนายอันโตนี เทรนเชฟ ผู้ร่วมก่อตั้ง Nexo ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโต กล่าวว่า “การที่กองทุนยื่นขออนุมัติในการขอเปิดตัว ETF ใหม่ทั้ง 9 แห่ง ผลักดันให้ความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่มีการซื้อขายตามปกติ มากกว่าในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์”

“สิ่งที่เราเห็นในวันนี้อาจคล้ายคลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อบิทคอยน์ปรับตัวขึ้นถึง 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ภายในระยะเวลา 2-3 วัน เราอยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายกัน โดยราคาที่ปรับตัวอยู่ในกรอบแคบ ๆ (sideways consolidation) เป็นเวลา 1 หรือ 2 วัน อาจเกิดขึ้นก่อนการที่ราคาจะพุ่งขึ้นอย่างมาก ซึ่งได้แรงหนุนจากอุปสงค์อย่างแข็งแกร่งของสปอต ETF ใหม่เหล่านี้”

การพุ่งขึ้นของราคาบิทคอยน์ ช่วยผลักดันให้สกุลเงินคริปโตอื่น ๆ เพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะโทเคนมีมหมาอย่าง โด๊จคอยน์ (Dogecoin) ที่พุ่งขึ้นกว่า 18% ในขณะที่ชิบะอินุ (SHIB) เองก็พุ่งสูงขึ้น 54% โดยนักวิเคราะห์มองว่า การเพิ่มขึ้นเหล่านี้เป็นสัญญาณว่า นักลงทุนรายย่อยซึ่งไม่ได้ซื้อขายสกุลเงินคริปโทเมื่อเร็ว ๆ นี้ กำลังกลับมาให้ความสนใจตลาดคริปโต โดยข้อมูลจากไคโค (Kaiko) ผู้ให้บริการข้อมูลด้านคริปโต ระบุว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ปริมาณการซื้อขายโทเคนมีมรายสัปดาห์แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายปี 2564

นอกจากนี้ บริษัทจดทะเบียนที่เกี่ยวกับกับคริปโต ก็ได้รับประโยชน์จากการพุ่งขึ้นของราคาบิทคอยน์ รวมถึงคอยน์เบส (Coinbase) และไมโครสแตรทเทจี้ (Microstrategy) เองก็พลอยรับอายิสงส์ไปด้วย โดยมีราคาหุ้นที่ปรับขึ้น 11% และ 23.6%

ในทางตรงกันข้าม ราคาหุ้นของบริษัทขุดเหมืองคริปโตฯ กลับไม่ได้พุ่งตามที่ควรจะเป็น โดยถูกเทขายเนื่องจากความกังวลว่ารายได้จะลดลงในช่วง Bitcoin Halving ในเดือน เม.ย. ( Bitcoin Halving คือการแบ่งครึ่งบล็อกของบิทคอยน์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุก 4 ปี ด้วยการลดอัตราการสร้างบิทคอยน์ใหม่ลงครึ่งหนึ่ง ขณะที่ลดรางวัลที่จะมอบให้กับนักขุดบิทคอยน์ เพื่อรักษาสมดุลของอุปสงค์และอุปทานของบิทคอยน์ในตลาด และบริหารสภาพคล่องแก้ปัญหาเงินเฟ้อในระบบคริปโต)ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อนักลงทุน

ทั้งนี้ ราคาหุ้นคลีนสปาร์ก (CleanSpark) และไซเฟอร์ ไมนิ่ง (Cipher Mining) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเหมืองขุดคริปโตขนาดใหญ่ ต่างก็ร่วงมากกว่า 7% ในขณะที่หุ้นไอริส เอเนอร์จี (Iris Energy) และมาราธอน ดิจิทัล (Marathon Digital) ต่างร่วงเกือบ 5% และหุ้น ไรออต บล็อกเชน (Riot Blockchain) เองก็ร่วงเกือบ 7%

ด้าน CryptoQuant ระบุว่า บรรดานักวิเคราะห์บางส่วนเชื่อว่า การเพิ่มขึ้นของอุปสงค์บิทคอยน์ จะผลักดันยให้ราคาพุ่งขึ้นต่อไปในระยะสั้น แต่อาจชะลอตัวลงในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เนื่องจากอัตราผลกำไรที่ยังไม่ได้รับรู้ (unrealized profit margins) ใกล้ถึงระดับสูงสุด ส่วนราคาของบิทคอยน์ที่รับรู้แล้ว อยู่ที่ประมาณ 42,700 ดอลลาร์สหรัฐ

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนระยะยาวยังคงมั่นใจว่า อุปสงค์บิทคอยน์ที่เพิ่มขึ้นผ่าน ETF ใหม่ของสหรัฐ และอุปทานที่ลดลงหลังช่วง Bitcoin Halving ในเดือน เม.ย.ที่จะถึงนี้ จะช่วยผลักดันราคาบิทคอยน์ให้ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์


กำลังโหลดความคิดเห็น