บมจ.บีพีเอส เทคโนโลยี หรือ BPS เตรียมเสนอขายหุ้น 120 ล้านหุ้น หลัง ก.ล.ต.ไฟเขียวอนุมัติแบบคำขอเสนอขายหุ้น เดินหน้าขยายธุรกิจการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้า Solar Roof-Top โครงการบ้านอัจฉริยะ (Smart Home) และด้านเทคโนโลยีด้านโครงข่ายไฟเบอร์ออปติกเพื่อการสื่อสาร (FTTX) ภายในอาคาร ที่ตอบโจทย์เทรนด์ด้านอสังหาริมทรัพย์ยุคใหม่
นายสุรพงษ์ สาเรชพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บีพีเอส เทคโนโลยี (BPS) ผู้นำด้านธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์เชื่อมต่อระบบไฟฟ้าครบวงจร การให้บริการติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคา (Solar Roof-Top) เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า การวางระบบไฟเบอร์ออปติกเพื่อการสื่อสาร รวมทั้งสินค้าเทคโนโลยีและการสื่อสาร (Smart Home) ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่อำนวยความสะดวกสำหรับอสังหาริมทรัพย์ยุคใหม่ เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 120 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 30 ของจำนวนหุ้นสามัญที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท และจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร โดยมี บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
ปัจจุบัน BPS ดำเนินธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์เชื่อมต่อไฟฟ้าภายในอาคาร สินค้าเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง และอุปกรณ์โซลาร์เซลล์ พร้อมทั้งให้บริการจัดหา ออกแบบ และติดตั้งโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จากโซลาร์เซลล์แบบติดตั้งบนหลังคา ระบบควบคุมการจ่ายไฟฟ้า รวมทั้งโครงข่ายไฟเบอร์ออปติกเพื่อการสื่อสาร (FTTX) และผลิตภัณฑ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกภายในที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์ และโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อให้ BPS เป็นศูนย์รวมอุปกรณ์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมของอสังหาริมทรัพย์ยุคใหม่ที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกประเภท ทั้งผู้ประกอบการ SME กลุ่มผู้รับเหมาและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนกลุ่มเจ้าของที่อยู่อาศัย
นายสุรพงษ์ ให้ความมั่นใจว่า BPS มุ่งมั่นที่จะเป็นศูนย์รวมนวัตกรรมและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อไฟฟ้า การผลิตไฟฟ้าจาก Solar Roof-Top และโครงข่ายโทรคมนาคม ตลอดจนพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ภายใต้แนวคิด One Stop Service ด้วยทีมงานที่มีประสิทธิภาพ ความคิดสร้างสรรค์ และพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ยกระดับคุณภาพของธุรกิจและชีวิตประจำวันของลูกค้าทุกกลุ่ม
สำหรับวัตถุประสงค์ในการระดมครั้งนี้เพื่อลงทุนด้านอุปกรณ์และการติดตั้งงานเดินโครงข่ายไฟเบอร์ออปติกในโครงการไฟเบอร์ออปติก Fiber to the Home (FTTX) สำหรับโครงการประเภทคอนโดมิเนียม และอาคารสูงมูลค่า 20 ล้านบาท รวมทั้งก่อสร้างศูนย์การเรียนรู้สำหรับช่างและบุคคลทั่วไป ประกอบด้วยศูนย์อบรมช่างเกี่ยวกับการติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคา และระบบ Edge Data Center Facilities 24x7 Monitoring รวมถึงโครงข่ายไฟเบอร์ออปติกเพื่อการสื่อสาร จำนวน 4 ล้านบาท ส่วนที่เหลือใช้เป็นทุนหมุนเวียนในกิจการ
ส่วนโครงการในอนาคต บริษัทมีแผนที่ขยายธุรกิจการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาสำหรับลูกค้าประเภทอสังหาริมทรัพย์แนวราบ และโรงงาน รวมถึงองค์กรเอกชนหลายราย โดยตั้งเป้าหมายการขยายการขายหรือการบริการติดตั้งระบบไฟฟ้า Solar Rooftop ในปี 2567 จำนวน 30 เมกะวัตต์ โดยบริษัทมีจุดเด่นในการควบคุมคุณภาพสินค้า และการบริหารจัดการ โดยตลาดมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากแรงกดดันต้นทุนค่าพลังงานและข้อจำกัดการสนับสนุนของภาครัฐ แนวโน้มนโยบายสนับสนุนการลดค่าไฟจากการขายเข้าระบบ สิทธิประโยชน์พิเศษด้านภาษี และประโยชน์ด้านคาร์บอนเครดิต
ในส่วนของธุรกิจนวัตกรรมบ้านอัจฉริยะ (SMART HOME) บริษัทได้นำเสนอนวัตกรรม Green Home Solution เพื่อตอบสนองในเรื่องของบ้านอยู่สบาย บ้าน Internet ความเร็วสูง บ้านประหยัดพลังงาน เป็น One Stop Service ในเรื่องอุปกรณ์ และงานติดตั้ง ซึ่งบริษัทมีความเชี่ยวชาญด้าน Supply Chain Management ให้สอดคล้องกับโครงสร้างประชากรที่สูงอายุจะมีความต้องการการซ่อมแซม แก้ไขอีกจำนวนมาก รวมถึงตลาดบ้านมือสองที่มีแนวโน้มเติบโตแบบมีนัยสำคัญ
นอกจากโครงการการติดตั้งโซลาร์เซลล์แบบติดตั้งบนหลังคาแล้ว BPS ยังตั้งเป้าหมายการขยายธุรกิจนวัตกรรมบ้านอัจฉริยะ (Smart Home) ได้แก่ การติดตั้งโรงรถ (Garage Roof) การติดตั้งระบบระบายอากาศ (Airflow) และการติดตั้งเครื่องชาร์จไฟฟ้า (EV Charger)
ด้านนายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ได้อนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ (Filing) บริษัท บีพีเอส เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ BPS เรียบร้อยแล้วตามแผนแล้ว
สำหรับ BPS ถือว่าเป็นผู้ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญตลอดเวลาเกือบ 20 ปี ในธุรกิจการเชื่อมต่อไฟฟ้าในอาคารและมีการพัฒนาต่อยอดสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องที่มีศักยภาพในการเติบโต เช่น การผลิตกระแสไฟฟ้าแบบ Solar Roof-Top ตลอดจนการลงทุนในระบบโครงข่ายไฟเบอร์ออกติกเพื่อการสื่อสารภายในอาคารเพื่อใช้ศักยภาพของบริษัทในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าภายใต้แนวคิดของ Smart Property ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพ การเติบโตที่ดีในอนาคต