"ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น" จับมือ "ไดวะ เฮ้าส์ อินดัสทรี คัมปะนี ลิมิเต็ด" จากญี่ปุ่น เปิดโครงการสร้างศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ “DPL Vietnam Minh Quang” บนพื้นที่โครงการ 70,109 ตร.ม. ในนิคมอุตสาหกรรมมินห์กวางในเวียดนาม ผ่านทางบริษัทร่วมทุนชื่อ “ดีเอช ดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์ พร็อพเพอร์ตี้ มินห์กวาง เวียดนาม จำกัด” ถือเป็นโครงการโลจิสติกส์ เซ็นเตอร์แห่งแรกของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ปในเวียดตอนเหนือ
บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น หรือ WHA Group จับมือบริษัทไดวะ เฮ้าส์ อินดัสทรี คัมปะนี ลิมิเต็ด ( Daiwa House) จากประเทศญี่ปุ่น เปิดโครงการสร้างศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ “DPL Vietnam Minh Quang” อย่างเป็นทางการ โดยจะเริ่มต้นทำการก่อสร้างอาคารคลังสินค้าบนพื้นที่โครงการ 70,109 ตร.ม. และมีพื้นที่ใช้สอยรวม 42,330 ตร.ม. ในวันที่ 1 มีนาคม 2567 ภายในนิคมอุตสาหกรรมมินห์กวาง จังหวัดฮึงเอียน (ห่างจากกรุงฮานอยไปทางทิศตะวันออกราว 40 กิโลเมตร) เวียดนาม โดยผ่านทางบริษัทร่วมทุนชื่อ “บริษัท ดีเอช ดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์ พร็อพเพอร์ตี้ มินห์กวาง เวียดนาม จำกัด” (DH WHA Logistics Property Minh Quang Vietnam Co., Ltd.) ทั้งนี้ โครงการนี้จะเป็นโครงการโลจิสติกส์ เซ็นเตอร์แห่งแรกของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ปในเวียดนามตอนเหนือ
น.ส.จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การร่วมทุนกับไดวะ เฮ้าส์ ของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ปเพื่อร่วมสร้างโครงการ “DPL VietnamMinh Quang” ในประเทศเวียดนามในครั้งนี้ นับว่าเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตของธุรกิจโลจิสติกส์ของเราที่มุ่งเน้นการเดินหน้าขยายธุรกิจทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยให้ความสำคัญกับการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์การเสริมศักยภาพด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี และการส่งเสริมแนวปฏิบัติเพื่อความยั่งยืน พร้อมทั้งตอบรับความต้องการด้านโลจิสติกส์ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในพื้นที่เวียดนามตอนเหนือ ซึ่งดับบลิวเอชเอ กรุ๊ปเชื่อมั่นว่า โครงการนี้จะช่วยต่อยอดการเติบโตของธุรกิจโลจิสติกส์ของเราให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และทำให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลายเป็นพื้นที่สำคัญที่ดึงดูดนักลงทุนทั่วโลกมากยิ่งขึ้น”
ธุรกิจโลจิสติกส์ของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ปมีการเติบโตอย่างโดดเด่นในปี 2566 โดยมีการลงนามสัญญาเช่าโครงการ Built-to-Suit และโรงงาน/คลังสินค้าเพิ่มเติมรวมทั้งสิ้น 242,000 ตร.ม.ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้มีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหารทั้งหมด 2,945,000 ตร.ม. นอกจากนี้ ยังมีการขายสิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ WHARTจำนวน 142,900 ตร.ม. คิดเป็นมูลค่ารวม 3,566 ล้านบาท
สำหรับการจับมือร่วมกันเป็นพันธมิตรกับไดวะ เฮ้าส์ ของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ปนั้น เริ่มต้นขึ้นในปี 2559 เมื่อทั้งสองบริษัทได้ก่อตั้งบริษัทร่วมทุนในชื่อ “บริษัท ดับบลิวเอชเอ ไดวะ โลจิสติกส์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด” (WHA Daiwa Logistics Property Co., Ltd.) เพื่อร่วมมือกันในการพัฒนาโลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ในประเทศไทย โดยในเดือนมีนาคม 2566 ได้มีการพัฒนาโครงการโลจิสติกส์เซ็นเตอร์ บนถนนบางนา-ตราด กม. 23 เพิ่มอีกโครงการหนึ่ง
ทั้งนี้ เพื่อขยายธุรกิจมายังภูมิภาคอาเซียนและเอเชียตะวันออก ด้วยความเชี่ยวชาญในการพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์ในเวียดนามตอนใต้ของไดวะ เฮ้าส์ และการพัฒนาธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในเวียดนามของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ปในวันที่ 26 มกราคม 2567 ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป และไดวะ เฮ้าส์ จึงได้ร่วมลงนามในข้อตกลงร่วมทุนใหม่เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการ “DPL Vietnam Minh Quang” โดยรวมเอาศักยภาพในการจัดการของทั้งสองบริษัท ไม่ว่าจะเป็นองค์ความรู้และเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ การออกแบบ การก่อสร้าง รวมถึงการจัดการและการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์เข้าด้วยกัน เพื่อสร้างธุรกิจที่จะดึงดูดบริษัทต่างๆ จากทั่วโลกให้เข้ามาใช้พื้นที่ด้านโลจิสติกส์ภายในโครงการนี้
สำหรับโครงการ “DPL Vietnam Minh Quang” ที่ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ปและไดวะ เฮ้าส์ จะร่วมทุนกันสร้างขึ้นเป็นอาคารชั้นเดียวบนพื้นที่โครงการ 70,109 ตร.ม. และมีพื้นที่อาคารคลังสินค้ารวม 42,330 ตร.ม. พื้นที่แห่งนี้เชื่อมต่อโดยตรงไปยังถนนสายหลักคือทางหลวงสายเอเชียหมายเลข 14 และอยู่ห่างจากกรุงฮานอยราว 40 กิโลเมตร ทำให้ที่นี่เป็นพื้นที่ที่เหมาะสม สำหรับการเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าสำหรับเมืองฮานอย นอกจากนี้ ยังอยู่ห่างจากท่าอากาศยานนานาชาติโหน่ยบ่าย ซึ่งเป็นสนามบินระดับนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนามตอนเหนือ ราว 54 กิโลเมตร และอยู่ห่างจาก “ท่าเรือไฮฟอง” ซึ่งเป็นท่าเรือการค้าประมาณ 80 กิโลเมตร ศูนย์โลจิสติกส์แห่งนี้จึงมีความเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการเป็นศูนย์กลางเพื่อการทำธุรกิจนำเข้าและส่งออก
โดยศูนย์โลจิสติกส์แห่งนี้ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมซึ่งมีบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นมากกว่า 90 บริษัทที่ดำเนินงานอยู่ในบริเวณนี้ คาดว่าจะมีความต้องการใช้พื้นที่แห่งนี้เพื่อรองรับงานด้านการผลิต ตลอดจนการใช้เพื่อเป็นพื้นที่จัดเก็บวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์
ศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจในประเทศเวียดนามประเทศเวียดนามมีการเติบโตของประชากรและการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องมานานหลายทศวรรษ และการเติบโตของจีดีพีที่แท้จริง (ประมาณการ) ถึง 5% ในปี 2566 นอกจากนี้ หลายประเทศและภูมิภาคยังได้ทำข้อตกลงการค้าเสรีและข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจกับเวียดนาม ทางด้านการค้าระหว่างประเทศของเวียดนามก็เติบโตรุดหน้า และมีบริษัทหลากหลายสัญชาติเข้ามาลงทุนและดำเนินธุรกิจภายในเวียดนาม นับเฉพาะบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นมีจำนวนมากกว่า 2,300 บริษัท เวียดนามจึงเป็นตลาดที่น่าจับตามอง
ขณะเดียวกัน ฮานอยซึ่งเป็นเมืองหลวงที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเวียดนาม ยังเป็นเมืองเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองในแง่ของจำนวนประชากร รองจากเมืองโฮจิมินห์ทางตอนใต้ของเวียดนาม และเป็นพื้นที่ที่คาดว่าจะเกิดการขยายตลาดและการพัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโตยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต อันเนื่องมาจากการเติบโตของเครือข่ายการคมนาคมขนส่งในพื้นที่ภาคกลางของเวียดนาม ตลอดจนการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรในตัวเมือง