xs
xsm
sm
md
lg

'สวอน เอสเตท' เปิดใหม่ 'ชญาดา บิซ เพลส' ทาวน์โฮมสไตล์ออฟฟิศ เจาะนักธุรกิจรุ่นใหม่มองหาความสำเร็จในชีวิต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายเทธดา อุชุปาละนันท์
"สวอน เอสเตท" ดีเวลลอปเปอร์รายใหม่ จับเทรนด์คนรุ่นใหม่ มองหาการลงทุนที่อยู่อาศัยที่คุ้มค่าระยะยาว มั่นใจโครงการใหม่ "ชญาดา บิซ เพลส" ทาวน์โฮมสไตล์ออฟฟิศ 3.5 ชั้น บนทำเลศรีนครินทร์-อ่อนนุช ตอบโจทย์ความสำเร็จในชีวิตได้ ดีไซน์ฟังก์ชันปรับเปลี่ยนเพื่อสร้างธุรกิจของตัวเอง บนแนวคิด 'ทำให้ลูกค้าพึงพอใจในยามซื้อ มีความสุขในยามอยู่อาศัย และมีความสบายใจในยามที่ต้องขาย' ขณะที่แบงก์พร้อมอนุมัติสินเชื่อในอัตราที่สูง กลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัยเกิน 12 ล้าน ไม่ถูกผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ เล็งลงทุนที่ดินผืนใหม่ รองรับแผนโรดแมป 3-5 ปี

นายเทธดา อุชุปาละนันท์ กรรมการผู้บริหาร บริษัท สวอน เอสเตท จำกัด กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (2565-2566) บริษัทได้มีผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจ จากการเลือกพัฒนาโครงการโดยเน้นทำเลและคุณภาพเป็นหัวใจสำคัญ ทำให้สามารถขายได้อย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและยึดมั่นในกลยุทธ์การพัฒนาที่สัมฤทธิผล

ส่วนในปี 2567 นี้ ด้วยสภาวะเศรษฐกิจไทยและทั่วโลกยังมีความไม่แน่นอน ทำให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ต้องดำเนินนโยบายแบบประคองตัว ไม่เน้นที่การเติบโต และต้องแข่งขันที่รุนแรงเพื่อแย่งลูกค้าที่มีอยู่จำกัด

"เศรษฐกิจปีนี้เหนื่อย อสังหาฯ ก็เหนื่อย ยิ่งเศรษฐกิจไม่กระเตื้อง เรา (สวอน เอสเตท) ต้องเข้มงวด ต้องคิดแล้วคิดอีก ให้ระวังตัว เนื่องจากหนี้ครัวเรือนตอนนี้สูงถึงกว่าร้อยละ 90 ยังไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไร ที่ดินในการพัฒนาจะมีความใหม่และสด หรือหากเป็นที่ดินเดิมต้องตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้า อย่างไรก็ตาม นับเป็นผลประโยชน์ที่ตกไปยังผู้บริโภค ที่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะได้ซื้ออสังหาฯ ในราคาที่เพิ่มในอัตราที่ช้าลงอย่างมาก ซึ่งส่วนของโครงการ ชญาดา บิซ เพลส ที่อยู่ในตลาดบ้านทาวน์โฮม จะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้บริโภค เพราะเป็นจุดสมดุลระหว่างคอนโดมิเนียมกับบ้านเดี่ยว โดยมีจุดแข็งที่ราคาไม่แพง แต่ได้ทำเลดีกว่าบ้านเดี่ยว และไม่ต้องลุ้นกับสถานการณ์โอเวอร์ซัปพลายเหมือนคอนโดมิเนียม"

ทาวน์โฮมสไตล์ออฟฟิศ 3.5 ชั้น
และด้วยการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของผู้ซื้อ ทำให้เราเห็นถึงแนวโน้มการซื้อที่อยู่อาศัยที่ผู้บริโภครุ่นใหม่ไม่ได้มองการซื้อบ้านเป็นเพียงค่าใช้จ่ายในการดำเนินชีวิต แต่มองเป็นปัจจัยเพื่อการออมเงินและการลงทุนมากกว่า ดังนั้น เทรนด์การซื้อบ้านในปัจจุบันและอนาคตภาพรวม คือ การซื้อที่อยู่อาศัยที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย และมีความคล่องตัวในการซื้อขาย จึงมีความสำคัญมากที่โครงการจะต้องเข้าใจในสิ่งที่ผู้บริโภครุ่นใหม่ต้องการ นั่นคือ ตอบโจทย์ความสมดุลของชีวิต ที่ทำงานหนักแต่ให้ความสำคัญกับการพักผ่อน กลุ่มนี้จึงไม่ลังเลที่จะให้รางวัลเรื่องบ้านกับตัวเอง แต่ต้องเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า แม้ราคาสูง แต่หากทำให้เกิดผลสำเร็จในแผนการดำเนินชีวิตระยะยาวก็พร้อมจะตัดสินใจทันที

"คนรุ่นใหม่มีความรู้สูง มีความฝันอยากเป็นเจ้าของตนเอง มีความถนัดในการใช้เทคโนโลยี และรู้จักให้รางวัลกับตนเอง ต่างกับคนรุ่นก่อนที่ทำงานและเก็บออม"

ทั้งนี้ เมื่อนำเอาเทรนด์การซื้อบ้านมาผนวกกับกลยุทธ์การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท จึงได้เดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ในชื่อ ‘ชญาดา บิซ เพลส’ (Chayada Biz Place) ขึ้นมา โดยมุ่งเน้นลูกค้าหลักที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ อายุ 35-53 ปี ที่มีการศึกษาดี ความรู้ความชำนาญ สามารถทำงานหรือบริหารธุรกิจได้ด้วยตัวเอง พร้อมมีความฝันที่จะเป็นเจ้านายตัวเอง ผ่านที่อยู่อาศัยที่มีรูปแบบและทำเลที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตและการเริ่มต้นธุรกิจ เพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าให้ไปได้ไกลถึงเป้าหมาย โครงการดังกล่าวจึงมีจุดเริ่มต้นพัฒนาขึ้น ‘ในทำเลที่มีศักยภาพมากที่สุด’ บนโซน ศรีนครินทร์-อ่อนนุช ซึ่งมีทำเลอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร และติดกับถนนเส้นหลัก ทั้งยังเป็นจุดเชื่อมต่อกับพื้นที่สมุทรปราการซึ่งเป็นทำเลรอง ทำให้มีราคาที่ตอบโจทย์ต่อทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย และยังรองรับต่อความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจได้แบบครอบคลุม


โดยแนวคิดหลักของชญาดา บิซ เพลส คือ ทำบ้านให้ลูกค้า 'พึงพอใจในยามซื้อ มีความสุขในยามอยู่อาศัย และมีความสบายใจในยามต้องขาย' เป้าหมายเราจึงเป็นการส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดและต้องไม่เป็นภาระให้ลูกค้าในอนาคต นั่นเพราะเราเข้าใจในวัฏจักรของตลาดบ้านเป็นอย่างดี เพราะหากลูกค้ามีความจำเป็นต้องขายบ้าน เราอยากให้ลูกค้าสามารถขายได้รวดเร็วและได้ราคา ซึ่งชญาดา บิซ เพลส มีศักยภาพมากพอที่จะตอบโจทย์แนวคิดนี้ทุกด้าน

สำหรับโครงการ ชญาดา บิซ เพลส มูลค่าโครงการประมาณ 500 ล้านบาท ในรูปแบบทาวน์โฮม 3.5 ชั้น สไตล์โฮมออฟฟิศ เน้นรูปแบบความหรูหราอินเทรนด์ที่สามารถปรับใช้งานได้หลากหลาย มีทั้งหมด 44 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 14 ล้านบาท ไปจนถึง 17 ล้านบาท มีแบบ 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 1 ห้องอเนกประสงค์ พื้นที่ใช้สอย 248 ตร.ม.บนเนื้อที่เริ่มต้น 24.8 ตร.ว. ไปจนถึง 59.2 ตร.ว.

อีกทั้งในโครงการยังมีอาคารพิเศษ 14 ยูนิตที่สามารถเปิดเข้าออกได้ 2 ทาง เพราะมีด้านหลังติดถนนนอกโครงการ เหมาะกับการปรับใช้ประโยชน์เปิดร้านทำธุรกิจ พร้อมจุดเด่นที่ช่วยเติมเต็มความสมดุลทั้งการพักอาศัย การทำงาน การเดินทาง ได้ครบทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น


จุดเด่นที่ตัวโครงการ เพราะเป็นการผสานกันระหว่างทาวน์โฮม กับโฮมออฟฟิศ จึงเป็นที่มาของคำว่า ‘ทาวน์โฮมสไตล์โฮมออฟฟิศ’ บนทำเลที่ตอบโจทย์ทั้งการอยู่อาศัยและทำธุรกิจ ข้อดีทาวน์โฮมที่ไม่ใช่อาคารพาณิชย์คือลูกค้าสามารถขอสินเชื่อจากธนาคารในเงื่อนไขเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งจะได้ดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า กู้ได้มากกว่าประมาณ 90% และนานกว่าการกู้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น (อาคารพาณิชย์) ซึ่งลูกค้าที่สามารถซื้อที่อยู่อาศัยเกินกว่า 12 ล้านบาท จะอยู่นอกปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ เพราะคนกลุ่มนี้มีกำลังในการซื้ออยู่แล้ว

จุดเด่นที่ทำเลที่ตั้ง ตัวโครงการตั้งอยู่ริมถนนใหญ่ ปากซอยเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ซอย 67 เดินทางได้สะดวก ใกล้กับเส้นทางคมนาคมและสถานที่สำคัญหลายเส้นทาง และยังได้เปรียบในแง่ทำเลการขาย ทำธุรกิจที่เข้าถึงง่าย จดจำง่ายอีกด้วย

จุดเด่นที่เป็นโครงการใหม่ มีบรรยากาศรายล้อมด้วยภูมิทัศน์ธรรมชาติ Panoramic Gaden View ที่กว้างสุดสายตา และพื้นที่ Clubhouse สไตล์โมเดิร์น รองรับการผ่อนคลายจากช่วงเวลาการทำงาน มีสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพ รวมถึงช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์การทำธุรกิจ ที่ช่วยสร้างภาพจำดีเป็นที่ชื่นชอบของผู้มาเยือน ต่างจากบ้านเก่าที่เปลี่ยนสภาพแวดล้อมไม่ได้

จุดเด่นเรื่องที่จอดรถ ภายในโครงการมี Convenient Parking Lot ที่จอดรถรวมกว่า 200 คัน

จุดเด่นเรื่องฟังก์ชัน ตัวบ้านได้รับการออกแบบให้ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย จากรูปแบบ 3.5 ชั้น ที่นำครึ่งชั้นนี้ไปมอบให้ห้องมาสเตอร์ แบบ Double Volume จนกลายเป็นห้องที่โอ่โถงและกว้างขวางสมเป็นห้องของเจ้าของบ้านอย่างแท้จริง

และจุดเด่นเรื่องวัสดุก่อสร้างและคุณภาพ กำแพงก่อด้วยอิฐมวลเบา 2 ชั้น วัสดุเกรด A ตั้งแต่พื้น ประตูหน้าต่าง สุขภัณฑ์ห้องน้ำ ตกแต่งหรูหราเหมือนกับบ้านเดี่ยว

นอกจากนี้ ชญาดา บิซ เพลส ยังมีแนวทางสำคัญที่ออกแบบมาให้ตอบโจทย์กับเทรนด์ความต้องการที่สามารถปรับรวมที่อยู่อาศัยกับที่ทำงานให้เป็นสถานที่เดียวกัน เพื่อช่วยให้ได้ทุ่มเทกับงานและครอบครัวได้อย่างเต็มที่ไปพร้อมๆ กัน นอกจากนี้ ยังมองรวมไปถึงการต่อยอดการสร้าง Passive Income ที่เหมาะสมกับด้านการลงทุน ซึ่งมั่นใจลูกค้าโครงการจะสร้างผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า (Yield) ประมาณ 5% และได้ส่วนต่างของราคาอสังหาริมทรัพย์ (Capital Gain) 6% ได้อย่างแน่นอน จากศักยภาพระดับสูงทั้ง 4 ด้าน คือ HIGH POTENTIAL การก่อสร้างคุณภาพดี สวยงามทันสมัย ใช้ประโยชน์ได้คุ้มค่า HIGH LIQUIDITY คล่องตัวทางการเงินขายต่อได้ง่าย HIGH YIELD สามารถสร้างรายได้ คือปล่อยเช่าง่ายและได้ราคาเช่าที่ดี สุดท้ายคือ HIGH PROFIT คือต้องสามารถทำกำไรได้ดีเมื่อต้องการขาย


"ด้วยความพิถีพิถันที่บริษัทได้เก็บรวบรวมข้อมูลความต้องการของลูกค้าเพื่อนำมาพัฒนาโครงการอย่างดีที่สุด ทำให้มั่นใจได้ว่า ชญาดา บิซ เพลส จะสามารถปิดโครงการได้ในเวลาไม่เกิน 2 ปี ซึ่งเมื่อหลังจากขายบ้านได้เกินกว่าร้อยละ 50 แล้ว เราจะเริ่มดำเนินการตามเป้าหมายในอีก 3-5 ปีของบริษัทด้วยการสำรวจตลาดและศึกษาความเป็นไปได้ เตรียมพร้อมสำหรับโครงการถัดไป โดยคงกลยุทธ์การพัฒนาให้ความสำคัญกับทำเลเป็นด่านแรก และเรายังมองถึงการซื้อที่ดินแปลงใหม่ เพื่อให้มีความสดใหม่ทันต่อเหตุการณ์ ตรงความต้องการของกลุ่มลูกค้าในขณะนั้นได้ในทุกมิติ" นายเทธดา กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น