xs
xsm
sm
md
lg

Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าบาทเปิดที่ระดับ 35.97 ผันผวนรอข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (29 ก.พ.) ที่ระดับ 35.97 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 36.06 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.75-36.20 บาท/ดอลลาร์ โดยในช่วงคืนก่อนหน้าค่าเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น (แกว่งตัวในช่วง 35.95-36.06 บาทต่อดอลลาร์) ตามการย่อตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังคาดการณ์อัตราการเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 4 ปี 2023 ครั้งที่ 2 ออกมา +3.2% จากไตรมาสก่อนหน้า เมื่อเทียบกับเป็นรายปี ซึ่งน้อยกว่าประมาณการครั้งแรกและคาดการณ์ของตลาดที่ +3.3% นอกจากนี้ บรรดาผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ต่างรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ คืนวันพฤหัสฯ นี้ และดัชนี ISM ภาคการผลิตในคืนวันศุกร์ ทำให้การเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์สหรัฐฯ ยังเป็นไปอย่างจำกัด อนึ่ง การย่อตัวลงบ้างของเงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์สหรัฐฯ ได้หนุนให้ ราคาทองคำรีบาวนด์ขึ้นราว +10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจทยอยขายทำกำไรการรีบาวนด์ระยะสั้นของราคาทองคำ และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวมีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นบ้างของเงินบาท

สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท แม้ว่าเงินบาทจะมีจังหวะผันผวนอ่อนค่าลงทะลุระดับ 36 บาทต่อดอลลาร์ไปบ้างในวันก่อนหน้า ซึ่งเรามองว่าส่วนหนึ่งมาจากการกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้างของเงินดอลลาร์ในช่วงก่อนตลาดรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อย่าง GDP ในไตรมาสที่ 4 ขณะเดียวกัน เงินบาทเผชิญแรงกดดันจากโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินดอลลาร์ในช่วงปลายเดือน รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินเยนญี่ปุ่น หลังเงินเยนได้อ่อนค่าลงพอสมควรในช่วงนี้ แต่โดยรวมเรายังคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทมีแนวโน้มแกว่งตัวลักษณะ sideways down เนื่องจากปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่าได้ลดลงไปบ้าง แต่ทว่าเงินบาทยังขาดปัจจัยหนุนการแข็งค่าขึ้นที่ชัดเจน

ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ ในคืนนี้ โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ ซึ่งหากออกมาสูงกว่าคาดอาจยิ่งทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มไม่มั่นใจว่า เฟดจะสามารถลดดอกเบี้ยได้ตาม Dot Plot หรือ จังหวะการลดดอกเบี้ย (Timing) อาจมีการเลื่อนออกไปอีกจากการประชุมเดือนมิถุนายน แต่โดยรวมเฟดอาจสามารถลดดอกเบี้ยได้ราว 3 ครั้งในปีนี้ โดยในกรณีดังกล่าว เงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจยิ่งกดดันให้ผู้เล่นในตลาดขายหุ้นเทคฯ ใหญ่ กดดันให้บรรยากาศในตลาดการเงินอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ซึ่งจะหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นไปอีก นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจยิ่งกดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลงแรง ส่งผลให้โดยรวมเงินบาทมีโอกาสผันผวนอ่อนค่าเร็วและแรงทดสอบโซนแนวต้าน 36.15-36.20 บาทต่อดอลลาร์ได้ไม่ยาก

ในทางกลับกัน หากรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ ชะลอตัวลงตามคาด หรือชะลอลงมากกว่าคาดเล็กน้อย เราคาดว่าเงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจไม่ได้ปรับตัวลดลงไปมากนัก ตราบใดที่ผู้เล่นในตลาดยังคงเชื่อว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยราว 3 ครั้ง โดยในกรณีนี้อาจเห็นเงินบาทแข็งค่าขึ้นบ้าง ทดสอบโซนแนวรับ 35.75-35.80 บาทต่อดอลลาร์

สำหรับวันนี้ ไฮไลต์สำคัญจะอยู่ที่รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ ในเดือนมกราคม ซึ่งผู้เล่นในตลาดต่างคาดหวังว่า อัตราเงินเฟ้อ PCE จะมีแนวโน้มชะลอตัวลง ทำให้เฟดยังมีโอกาสทยอยลดดอกเบี้ยราว 3 ครั้งได้ตามที่ระบุไว้ใน Dot Plot ล่าสุด นอกจากนี้ รายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) จะเป็นอีกหนึ่งข้อมูลที่ผู้เล่นในตลาดจะให้ความสนใจ และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินในระยะถัดไปของเฟด
กำลังโหลดความคิดเห็น