สตาร์เฟล็กซ์ อวดผลงานปี 66 กวาดรายได้ 1,820.5 ล้านบาท กำไรสุทธิ 184.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 234.5% เนื่องจากบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ขยายงานขายในกลุ่มลูกค้าศักยภาพสูง บอร์ดใจดีเคาะจ่ายปันผลเพิ่ม 0.045 บาท/หุ้น ปีนี้ขอรายได้ปี 67 แตะ 2,000 ล้านบาท
ดร.สมโภชน์ วัลยะเสวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) (SFLEX) ผู้ผลิต และจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนชั้นนำในประเทศ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2566 มีรายได้รวม 1,820.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 124.4 บาท หรือเพิ่มขึ้น 7.3% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 1,696.1 ล้านบาท โดยมีกำไรขั้นต้น 429.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 103.8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรขั้นต้น 210.9 ล้านบาท หากพิจารณาในส่วนของกำไรสุทธิสำหรับปีอยู่ที่ 184.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 234.5% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 55.1 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดใหม่
“ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีอัตรากำไรขั้นตันและอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้น อย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีการบริหารต้นทุนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านการจัดหาวัตถุดิบ การทำสัญญาล่วงหน้า การพิจารณาแนวโน้มราคาและอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตด้วยการเพิ่มทักษะและปรับเปลี่ยนเครื่องจักรให้ทันสมัย ประกอบกับแผนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจมุ่งเน้นการขายสินค้าที่มีมูลค่าสูง ประกอบกับการมุ่งเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มความยั่งยืน หรือแพกเกจจิ้งที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ (Recyclable) ให้มากยิ่งขึ้นตามเทรนด์ในปัจจุบัน”
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลประจำปี 2566 ในหุ้นละ 0.09 บาท เป็นเงินประมาณ 72 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรกไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.045 บาท เป็นเงิน 36.63 ล้านบาท และครั้งนี้จะจ่ายเงินปันผลงวดเพิ่มเติมอีกหุ้นละ 0.045 บาท เป็นเงิน 35.63 ล้านบาท โดยกำหนดวันที่ 15 มีนาคม 2567 เป็นวัน Record Date และขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 14 มีนาคม 2567 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผลวันที่ 9 พฤษภาคม 2567
ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในปี2567 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้แบบ Organic growth จากธุรกิจหลักอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท หรือเติบโต 10% จากปีก่อน สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง จากแนวโน้มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการใช้งานบรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ คาดว่าบริษัทร่วมทุน "บริษัท สตาร์ยูเนี่ยน แพคเกจจิ้ง จำกัด" จะสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ประมาณไตรมาส 4/2567 อีกทั้งมีแผนการรับรู้กำไรจากการลงทุน Starprint Vietnam JSC ในประเทศเวียดนามอีกด้วย ทำให้เชื่อมั่นว่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนผลการดำเนินงานของบริษัทเติบโตแข็งแกร่ง และสร้างผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยมกับผู้ถือหุ้นในระยะยาว