xs
xsm
sm
md
lg

SNNP กำไรโต บอร์ดใจดีปันผลอีก 0.25 บาท/หุ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศรึนานาพร มาเก็ตติ้ง กำไรพุ่ง 23% แตะระดับ 636 ล้านบาท และรายได้รวม 6,049 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% บอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลเป็นเงินสดอีกในอัตรา 0.25 บาท/หุ้น ผู้บริหารเปิดแผนปี 67 มั่นใจรายได้เติบโตต่อเนื่อง

นายวิโรจน์ วชิรเดชกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) (SNNP) ผู้นำผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม และขนมขบเคี้ยวของประเทศไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2566 มีกำไรสุทธิ 636 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 120 ล้านบาท หรือ 23% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ส่วนรายได้รวม 6,049 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 445 ล้านบาท หรือ 8% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 5,604 ล้านบาท

ปัจจัยที่สนับสนุนให้กำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้น มาจากแผนการตลาดที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และยอดขายสินค้าที่เพิ่มขึ้นจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงบริษัททยอยออกสินค้าใหม่วางจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง และมีการวางกลยุทธ์ทางด้านการตลาด การปรับโฉมสินค้า รวมถึงการเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ๆ เพื่อสื่อสารทางการตลาดกับกลุ่มผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด ซึ่งมีกระแสตอบรับเป็นอย่างดี

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.25 บาท/หุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 7 พ.ค.2567 กำหนดจ่ายวันที่ 24 พ.ค.2567 ทั้งนี้ บริษัทจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแล้วหุ้นละ 0.232 บาท รวมทั้งปีเท่ากับ 0.482 บาท/หุ้น สำหรับผลการดำเนินงานปี 2566

“SNNP เปิดเกมรุกเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Supplementary) ภายใต้แบรนด์ ”เจเล่ฟิตต์” (Jele Fitt) ในรูปแบบเยลลี่รสผลไม้ ที่ถูกพัฒนาเพื่อให้เหมาะกับคนละช่วงวัย แบ่งเป็นสำหรับวัย 20-29 ปี สำหรับวัย 30-39 ปี และสำหรับวัย 40-49 ปี ราคาซองละ 15 บาท (1 ซอง บรรจุ 27 กรัม) วางจำหน่ายที่ร้านสะดวกซื้อ 7-11 ซึ่งจากการวิจัย Jele Fitt จะชนะใจผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี ในด้านแนวความคิดผลิตภัณฑ์ที่แตกต่าง ทั้งรสชาติสินค้าอร่อย บรรจุภัณฑ์ที่สะดวกพกพาง่าย รูปแบบดีไซน์ที่โดดเด่น ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ของเจเล่ที่จะเข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคอย่างแน่นอน” นายวิโรจน์ กล่าว

รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ SNNP กล่าวอีกว่า แนวโน้มการเติบโตของบริษัทมาจากแผนธุรกิจที่ทางบริษัทได้มีการขยายตลาดไปต่างประเทศ นอกเหนือจากประเทศเวียดนามที่เป็นประเทศหลัก บริษัทฯยังมองเห็นโอกาสในการทำตลาดในประเทศอื่น เช่น ฟิลิปปินส์ เกาหลี และจีน เป็นต้น และทางบริษัทยังคงเฟ้นหาตลาดเพิ่มเติม เพื่อส่งเสริมให้บริษัทมีการเติบโตอย่างมีคุณภาพ และอย่างยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวช่วยสนับสนุนการผลดำเนินงานของบริษัทให้เติบโต โดยคาดว่าในปี 2567 จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้


กำลังโหลดความคิดเห็น