หุ้นปิดเช้าบวก 0.27 จุด นักวิเคราะห์ระบุตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งสลับบวก-ลบ ค่อนข้างทรงตัว หุ้นขึ้นนำตลาดคือกลุ่มพลังงานตอบรับราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นและแนวโน้มผลงานไตรมาส 1/67 น่าจะดี และกลุ่มแบงก์รอรับปันผล แต่ภาพรวมตลาดยังมีความเสี่ยงจากนโยบายรัฐล่าช้า โดยเฉพาะดิจิทัลวอลเล็ต ขณะที่รอติดตามตัวเลข GDP ไตรมาส 4/66 ของไทยในวันจันทร์ แนวโน้มช่วงบ่ายคาดดัชนียังทรงๆ บวก-ลบไม่เกิน 5 จุด
นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ไม่คึกคัก แกว่งบวก-ลบสลับกัน แม้ปัจจัยต่างประเทศจะเป็นบวกหลังสหรัฐฯ เปิดเผยยอดค้าปลีกลดลงมากกว่าคาด ทำให้ตลาดคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะลดดอกเบี้ยเร็วขึ้นกว่าที่คาดไว้ล่าสุในเดือน มิ.ย.
หุ้นใหญ่ที่ปรับขึ้นนำตลาดเช้านี้เป็นกลุ่มพลังงาน จากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น และแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 1/67 น่าจะออกมาดี และกลุ่มธนาคารพาณิชย์คาดว่าจะมีการจ่ายเงินปันผลใน 2 สัปดาห์นี้
กลยุทธ์การลงทุน แนะทยอยลดน้ำหนักหุ้นกลุ่มธนาคาร เนื่องจากทิศทางส่วนต่างดอกเบี้ยเริ่มแคบลง ขณะเดียวกันจากปัจจัย การท่องเที่ยวและค่าเงินบาทอ่อนค่า แนะนำลงทุนกลุ่มที่เกี่ยวข้อง เช่น ท่องเที่ยว อาหาร และการแพทย์ ขณะที่วานนี้ สภามีมติรับรองรายงานผลการพิจารณาศึกษาญัตติโครงการแลนด์บริดจ์ ถัดไปจะนำเข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และหาก ครม.อนุมัติจะเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมและก่อสร้าง
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยวันนี้คงไปไหนไม่ได้ไกล เนื่องจากยังมีความเสี่ยงจากนโยบายภาครัฐล่าช้า โดยเฉพาะโครงการดิจิทัลวอลเล็ต อีกทั้งวันจันทร์ที่ 19 ก.พ.สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) จะแถลงภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4/66 และแนวโน้มปี 67 ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตชะลอลง อาจทำให้ตลาดผิดหวังช่วงสั้น จึงมีความระมัดระวังในการลงทุน
ด้านภาวะตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,387.54 จุด เพิ่มขึ้น 0.27 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.02% มูลค่าซื้อขายราว 21,681 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่าย คาดจะทรงตัวบวกลบไม่เกิน 5 จุด โดยให้แนวรับ 1,384 จุด และแนวต้าน 1,395 จุด