นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยในโอกาสครบรอบ 30 ปี EXIM BANK ว่า หนึ่งในปัญหาใหญ่ที่ส่งผลต่อทุกภาคส่วนทุกวันนี้ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โลกเปลี่ยนผ่านจากภาวะโลกร้อน เข้าสู่ภาวะโลกเดือด จนนำไปสู่การเกิดภัยธรรมชาติบ่อยครั้งและรุนแรงขึ้น ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยจึงต้องเร่งเดินหน้าสร้างเศรษฐกิจสีเขียว โดยพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตามเป้าหมาย SDGs และเป้าหมายประเทศไทยสู่ Carbon Neutrality และ Net Zero Emissions
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันประเทศไทยยังปล่อยคาร์บอนสูงกว่าหลายประเทศในเอเชีย โดยอยู่ในระดับ 3.78 ตันคาร์บอนต่อคนต่อปี สูงกว่าประเทศอื่นในอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย และเวียดนาม รวมถึงมูลค่าส่งออกของไทยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมีไม่มากนัก อยู่ในสัดส่วนเพียง 7.6% ของการส่งออกทั้งหมด ทำให้ผู้ส่งออกไทยต้องเร่งปรับตัวรับมือกับมาตรการทางการค้าด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลกที่มีมากถึง 18,000 ฉบับ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมโลก และปรับตัวทางธุรกิจให้อยู่รอดและเติบโตได้ เนื่องจากธุรกิจที่คำนึงถึง ESG มีการเติบโตของรายได้และกำไรมากกว่าธุรกิจทั่วไปกว่า 2 เท่าตัว
ดังนั้น EXIM BANK จึงสานพลังกับภาครัฐและภาคเอกชนขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เพื่ออนาคตของประเทศไทยและโลกที่ยั่งยืน ภายใต้บทบาท Grenn Development Bank ด้วยกลยุทธ์ Greennovation ที่จะสร้าง Green Supply Chain ขับเคลื่อนการค้าและการลงทุนเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว ขณะที่ EXIM BANK ตั้งเป้าหมายสู่ Carbon Neultrality ในปี 2573 และ Net Zero Emission ในปี 2593 เร็วกว่าเป้าหมายประเทศไทย 20 ปี และ 15 ปี ตามลำดับ โดยปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในองค์กร ควบคู่กับการเพิ่มสัดส่วนเพื่อความยั่งยืนให้เป็น 50% ของพอร์ตสินเชื่อทั้งหมดภายในปี 2571
"ขณะนี้เรามาถึง 30 ปีแล้ว 10 ปีแรกของเอ็กซิมแบงก์ เป็นเรื่องของการดูแลธุรกรรมการเงินให้ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศให้มีความสะดวกมากขึ้น ตอนนั้นเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทยคือการส่งออก จากจีดีพีไทย 17 ล้านล้านบาท 10 ล้านล้านบาท คือการส่งออก เราต้องเข้ามาอำนวยความสะดวกตรงนี้ให้คล่องให้ดี จาก 10 ปีต่อมา แบงก์พาณิชย์มารับช่วงต่อ เราหันยกระดับขึ้นมาเป็นนำพาธุรกิจไปลงทุนในธุรกิจที่สำคัญ หรืออินฟราสตรักเจอร์ในต่างประเทศซึ่งเป็นการช่วยต่อยอดให้ธุรกิจของเรา ถัดมา 10 ปีนี้ เรามาเจอวิกฤตโควิด เอ็กซิมแบงก์เข้ามาช่วยเติมสภาพคล่องให้ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบหนักๆ อย่างสายการบิน บริษัทเดินเรือให้กลับมาโบยบินต่อไปได้ และถัดจากนี้ไป เราจะมุ่งนำพาผู้ประกอบการไทยเข้าสู่ Global Green Supply Chain ขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศด้วยเศรษฐกิจสีเขียว ซึ่งที่เป็นอยู่เรายังช้าเมื่อเทียบกับคู่เทียบอย่างเวียดนาม เช่น การใช้กระแสไฟสะอาดที่เวียดนามใช้อยู่ 1 ใน 5 ของไทยยังไม่ถึง และเราต้องเร่งทำ ซึ่งเอ็กซิมแบงก์ไม่ใช่นำพาเฉพาะธุรกิจรายใหญ่ แต่จะให้ความสำคัญกับคนตัวเล็กด้วย"