กรุงเทพฯ (15 กุมภาพันธ์ 2567) – บริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด (Gulf Binance) เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท ไบแนนซ์ แคปปิตอล แมเนจเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทภายในเครือของไบแนนซ์ และ บริษัท กัลฟ์ อินโนวา จำกัด และ กัลฟ์ ไบแนนซ์ เป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม เปิดตัว ‘ไบแนนซ์ ทีเอช บาย กัลฟ์ ไบแนนซ์ (Binance TH by Gulf Binance) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยได้รับใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลรวมทั้งหมด 4 ใบ จากกระทรวงการคลัง ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
นายนิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด กล่าวถึงข้อมูลเชิงลึก ของตลาดคริปโตในประเทศไทยปี 2567 ว่า “จากตัวเลขการยอมรับการใช้งานคริปโตที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ในประเทศไทย ทำให้เราเล็งเห็นถึงศักยภาพทั้งในเชิงอัตราการเติบโตและนวัตกรรม โดย Gulf Binance รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการกำหนดภูมิทัศน์ทางด้านสินทรัพย์ดิจิทัลของ ประเทศไทยซึ่งนับตั้งแต่วันแรกที่ได้มีการเปิดตัวแพลตฟอร์ม Binance TH by Gulf Binance เราได้มุ่งมั่นใน การพัฒนาการให้บริการ ควบคู่ไปกับการกำกับดูแลให้เป็นไปตามกฎระเบียบข้อบังคับ และการสร้างความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้
"ด้วยแพลตฟอร์มที่มีความน่าเชื่อถือและใช้งานได้ง่าย เราเชื่อมั่นว่า ไบแนนซ์ ทีเอช บาย กัลฟ์ ไบแนนซ์ จะสามารถเข้ามาเสริมศักยภาพให้กับชุมชนบล็อกเชนในประเทศ พร้อมทำให้เกิดสภาพแวดล้อมการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ชาวไทยทุกคน”
ฟีเจอร์หลักและเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยของ ไบแนนซ์ ทีเอช บาย กัลฟ์ ไบแนนซ์ หลังจากที่ Binance TH by Gulf Binance ได้รับใบอนุญาตและได้รับการอนุมัติให้เริ่มประกอบธุรกิจจาก ก.ล.ต. เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2566 ทางแพลตฟอร์มได้รับการตอบรับอย่างดีจากชุมชนบล็อกเชนชาวไทย ซึ่งนำไปสู่ การเปิดตัวแก่ลูกค้าเป็นการทั่วไปในเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยแพลตฟอร์ม Binance TH by Gulf Binance ได้เข้ามาสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับภูมิทัศน์ของสินทรัพย์ดิจิทัล ด้วยหลากหลายฟีเจอร์ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งานของคนไทยโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น ความหลากหลายของสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีให้เลือกมากกว่า 115 คู่เหรียญ ซึ่งถือเป็นจำนวนการให้บริการคู่เหรียญที่มากที่สุดในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย รวมถึงโครงสร้างค่าธรรมเนียมเพียง 0.1% สำหรับการซื้อขายระหว่างคู่ USDT และ 0.25% สำหรับการซื้อขายระหว่างคู่เงินบาท (THB) กับสินทรัพย์ดิจิทัล
ทั้งนี้ ทาง Binance TH by Gulf Binance ยังได้คำนึงถึงความตั้งใจที่จะให้ผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง ด้วยการส่งแคมเปญอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษ 0% สำหรับคู่เทรดเงินบาทในช่วงเปิดตัว เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม - 15 มีนาคม 2567 รวมถึงอีกหนึ่งแคมเปญพิเศษเนื่องในเทศกาลวาเลนไทน์ กับการมอบเหรียญ BNB มูลค่าสูงสุด 300 บาทฟรี เมื่อสมัครบัญชี Binance TH ยืนยันตัวตนสำเร็จ และซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยแคมเปญดังกล่าว จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ - 14 มีนาคม 2567
จากข้อมูลการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่กว่า 60% มาจากคู่เหรียญ USDT ทำให้ Binance TH by Gulf Binance เห็นว่าผู้ใช้งานคนไทยมีความต้องการในการซื้อขายคู่เหรียญเหล่านี้ และเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ผู้ใช้งาน แพลตฟอร์มได้ติดตั้งบอท AI เพื่อบริการลูกค้าแบบครอบคลุมทุกวันทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งนับตั้งแต่เปิดให้บริการ ระบบดังกล่าวได้สร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้อย่างดี พร้อมได้รับคะแนนความพึงพอใจในระดับสูง จากการที่สามารถช่วยไขข้อสงสัย และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ไบแนนซ์ ทีเอช บาย กัลฟ์ ไบแนนซ์ ยังได้รวบรวมฟีเจอร์ล้ำสมัยมาให้บริการ ทั้งการแจ้งเตือนราคา (Price Alert) การแจ้งเตือนความเคลื่อนไหวสินทรัพย์ในพอร์ตโฟลิโอ (Portfolio Tracking) และมาตรการป้องกันที่จำกัดการถอนสินทรัพย์ (Whitelist Function) ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในทรัพย์สินให้แก่ผู้ใช้งานชาวไทย โดย Binance TH by Gulf Binance ยังถือเป็นแพลตฟอร์มศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลเพียงรายเดียว ในประเทศไทยที่รองรับการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัลทั้งจาก NDID และแอปพลิเคชัน ThaID ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีอันซับซ้อนและก้าวล้ำมาสู่ประเทศไทย เพื่อส่งเสริมให้ภาพรวมของการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยล้ำหน้ายิ่งขึ้น
ไบแนนซ์ ทีเอช บาย กัลฟ์ ไบแนนซ์ กับความมุ่งมั่นด้านเทคโนโลยีและการปฏิบัติตามกฎข้อบังคับ
ไบแนนซ์ ทีเอช บาย กัลฟ์ ไบแนนซ์ มีความมุ่งมั่นในการปฏิบัติตามกฎระเบียบ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้งาน ทุกท่าน ผ่านการดำเนินงานผ่าน 4 แกนหลัก ได้แก่ การสร้างความไว้วางใจ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของธุรกิจด้านการลงทุน การใช้เทคโนโลยีช่วยในการปฏิบัติตามกฎหมาย อย่าง การเชื่อมต่อระบบตรวจสอบรายชื่อบุคคล ต้องสงสัยกับสำนักงาน ปปง. และผู้ให้บริการรายชื่อระดับโลก รวมถึงเทคโนโลยี Elliptic เพื่อตรวจสอบบัญชีต้องสงสัยหรือเข้าข่ายว่าเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย การทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานกำกับดูแล หรือสำหรับประเทศไทย คือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เพื่อช่วยพัฒนาวงการธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลให้ก้าวหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน ตลอดจนการให้ดำเนินงานด้วยความโปร่งใสที่สามารถตรวจสอบได้
"สำหรับก้าวต่อไปสู่หนทางในการกำหนดอนาคตโลกคริปโต ไบแนนซ์ ทีเอช บาย กัลฟ์ ไบแนนซ์ ได้มีการวางแผนงาน โดยมุ่งเน้นไปที่วิสัยทัศน์หลัก 3 ประการ ได้แก่ การยึดนวัตกรรมเป็นหลัก เพื่อผลักดันให้เกิดการยอมรับการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศ รวมถึงยกระดับประสบการณ์การซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลของผู้ใช้ชาวไทย ด้วยการนำเสนอคู่เหรียญที่มีความหลากหลายและฟีเจอร์การใช้งานอันล้ำสมัย รวมถึงการส่งเสริมความรู้ และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลและบล็อกเชน ผ่านโครงการริเริ่มด้านการศึกษาที่เน้นผู้ใช้งาน เป็นสำคัญ และปิดท้ายกับการสร้างความปลอดภัยและความไว้วางใจในอุตสาหกรรมคริปโตให้กับผู้ใช้งาน"
ไบแนนซ์ ทีเอช บาย กัลฟ์ ไบแนนซ์ ประกาศเปิดตัวธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเป็นทางการ โดยชูนโยบายธุรกิจใน 5 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ การพัฒนาประสิทธิภาพของแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง การสร้างชุมชนผู้ใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัลที่เข้มแข็ง การเพิ่มการยอมรับในสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านการเรียนรู้ การดำเนินงานที่มีแนวทางมุ่งเน้นไปยังผู้ใช้เป็นสำคัญ และ รวมถึงการปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับอย่างเคร่งครัด
แพลตฟอร์ม Binance TH by Gulf Binance ได้ตั้งเป้าหมายเน้นความสำคัญกับผู้ใช้งาน การพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยี และการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยของการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล
ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กร พวกเราอยากเห็นอนาคตที่การเข้าถึงบริการทางการเงินและการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลได้รับการจัดการด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน ตลอดจนความร่วมมือระหว่างองค์กรและชุมชนภาคการศึกษา โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นแรงผลักดันให้ประเทศไทยมีการเปลี่ยนผ่านไปสู่โลกคริปโตต่อไป
กัลฟ์ ไบแนนซ์ คว้าโอกาสลงสนามหลังกระแสคริปโตพุ่ง ตลาดเฟื่องฟู
กัลฟ์ ไบแนนซ์ เล็งเห็นกระแสตอบรับสินทรัพย์ดิจิทัลของประเทศไทยที่มีความโดดเด่นเมื่อเทียบกับตลาดคริปโต ทั่วโลก ด้วยตัวเลขผู้ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลที่มากถึง 21.9% ซึ่งเป็นจำนวนเกือบ 2 เท่าของค่าเฉลี่ยทั่วโลก รวมถึงจำนวนการเติบโตของนักพัฒนาที่พุ่งสูงถึง 43% ในปี 2565 สูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยิ่งแสดงให้เห็นถึงสัญญาณเชิงเทคนิคที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ การที่ธนาคารพาณิชย์ของประเทศไทยได้ก้าวเข้ามาในตลาด นับเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยผลักดันให้สินทรัพย์ดิจิทัลได้รับการยอมรับแก่ผู้คนในวงกว้างยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน การที่อุตสาหกรรมคริปโตคึกคักด้วยการมีผู้เล่นเกือบ 17 รายที่อยู่ภายใต้กรอบการกำกับดูแล ยิ่งถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยสู่อนาคตแห่งโลกดิจิทัล
ทั้งนี้ จากข้อมูลของ Chainalysis ยังได้แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยได้รับการจัดให้อยู่อันดับที่ 10 ของโลก ในด้านการยอมรับให้เกิดการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งด้วยความพร้อมทั้งหมดนี้ กัลฟ์ ไบแนนซ์ จึงได้ตัดสินใจก้าวเข้ามาสู่หนึ่งในผู้เล่น พร้อมวางแผนที่จะเข้ามาร่วมกำหนดยุทธศาสตร์ เพื่อช่วยเร่งอัตราการพัฒนาภูมิทัศน์คริปโตในประเทศไทย