บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนลฯ ประเมิน หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลกำไรปี67 โต 6% ส่วนโค้งสุดท้าย Q4/66 กำไรจากการดำเนินงานโต 9% หลังผู้ป่วยต่างชาติพุ่ง - เม็ดเงินต่างชาติไหลเข้า แต่ยอมรับปีนี้กลุ่มโรงพยาบาลแข่งขันสูงขึ้น หลังรายได้กลับมาเติบโตในอัตราปกติ แนะนำเพิ่มน้ำหนักลงทุน เชียร์ BCH - PR9 - CHG เด่นสุด
ฝ่ายวิจัย บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI เปิดเผยว่า จากการประเมินผู้ประกอบการโรงพยาบาล ที่ฝ่ายวิจัย CGSI ศึกษา 6 แห่ง ได้แก่ BCH, BDMS, BH, CHG, PR9, RAM ในไตรมาส 4/66 กลุ่มโรงพยาบาลมีผู้ป่วยเข้ามารับการรักษาจำนวนมาก ผลจากการระบาดของไวรัส RSV ในเด็กและการระบาดของไข้หวัดใหญ่ รวมทั้งยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังเพิ่มขึ้น เชื่อว่าจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น ทำให้กลุ่มโรงพยาบาลแข่งขันกันไม่รุนแรง ซึ่งส่งผลดีต่อมาร์จินของโรงพยาบาล จึงคาดไตรมาส 4 รายได้จากกิจการโรงพยาบาลจะโต 9% yoy แต่ลดลง 3% qoq
ส่วนกำไรจากการดำเนินงานจะเติบโต 16% yoy แต่ลดลง 9% qoq โดย BCH น่าจะมีกำไรเติบโตสูงสุด yoy และ PR9 เติบโตแข็งแกร่งที่สุด qoq
คาดปีนี้รายได้โต10% จากปี66 ส่วนกำไรโต 6% แนะเพิ่มน้ำหนักลงทุน
ส่วนปี 2567 CGSI คาดว่ากลุ่มโรงพยาบาลจะมีรายได้จากกิจการโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 10% yoy และเพิ่ม 8% yoy ในปี 68 หลังจากที่จะเติบโต 2% ในปี 66 ขณะที่กำไรสุทธิรวมปีนี้คาดเติบโต 6% yoy นำโดย BCH, PR9 และ CHG ทั้งนี้มองว่า โรงพยาบาลขนาดกลางจะมีกำไรเติบโตสูงกว่าโรงพยาบาลขนาดใหญ่ เพราะโรงพยาบาลขนาดกลางน่าจะพยายามดึงผู้ป่วยชาวต่างชาติเข้ามาใช้บริการมากขึ้น
ปีนี้กลุ่มโรงพยาบาลน่าจะแข่งขันสูงขึ้น เนื่องจากรายได้จะกลับมาเติบโตในอัตราปกติ เมื่อไม่มีแรงหนุนจากอุปสงค์สะสม ซึ่งอาจทำให้โรงพยาบาลต้องออกแพ็คเกจโปรโมชั่นเพิ่ม
อย่างไรก็ดี มองว่าแม้ปีที่แล้วจะมีเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลออกจาก SET ราว 1.92 แสนล้านบาท และ YTD ไหลออกราว 2.9 หมื่นล้านบาท แต่กลุ่มการแพทย์ยังคงมีเงินทุนจากต่างชาติไหลเข้า 1 หมื่นล้านบาทปีที่แล้ว และ 2 พันล้านบาท YTD ทำให้กลุ่มการแพทย์เป็นกลุ่มที่มีเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามากสุดในปีที่แล้ว และ YTD โดย BDMS มีเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามากที่สุดในปีที่แล้ว ส่วน BH มีเงินทุนไหลเข้ามากที่สุด YTD
เชื่อว่า sentiment ตลาดที่อ่อนตัว ทำให้กลุ่มการแพทย์เป็นตัวเลือกการลงทุนที่ปลอดภัยระดับหนึ่ง จึงยังแนะนำเพิ่มน้ำหนักการลงทุน (Overweight) ในหุ้นกลุ่มการแพทย์ ปัจจัยบวกคือ จำนวนผู้ป่วยต่างชาติที่เพิ่มขึ้นและการระบาดของโรคที่มีความรุนแรง อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลใหญ่อย่าง BH และ BDMS กำไรมีแนวโน้มลดลง จึงชอบโรงพยาบาลขนาดเล็กกว่า อย่าง PR9 ราคาเป้าหมาย 19.20 บาท และ BCH ราคาเป้าหมาย 26.40 บาท เลือกเป็นหุ้น Top pick ของกลุ่ม
ส่วน downside risk ของกลุ่ม จะมาจากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น, ความพยายามของรัฐในการควบคุมค่ารักษา และนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมีจำนวนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ