คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาภาระภาษีสำหรับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลใน Exchange รวมทั้งเพิ่มการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลผ่าน Broker และ Dealer โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า “กระทรวงการคลังโดยกรมสรรพากรตระหนักถึงความเท่าเทียมกันในกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลของไทย จึงได้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับกรณีดังต่อไปนี้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป
1. การโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ (Utility Token) ใน Exchange ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
2. การโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ (Utility Token) ผ่าน Broker ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
3. การโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ (Utility Token) ให้แก่ Dealer ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
4. การโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ (Utility Token) โดย Dealer ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
ทั้งนี้ การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการโอน Investment Token ทั้งในตลาดแรกและในตลาดรองได้ดำเนินการเป็นการถาวรแล้ว โดยตราพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 779) พ.ศ. 2566 มีผลตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2561 เป็นต้นไป”
“มาตรการดังกล่าวจะช่วยให้นักลงทุนในประเทศไทย ซึ่งลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลได้รับความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ทางภาษี และประเทศไทยมีความสามารถในการแข่งขันเป็นศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Hub) เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นตามมาอีกด้วย” อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้หากผู้ประกอบการหรือนักลงทุนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานสรรพากรทุกแห่งทั่วประเทศ หรือศูนย์สารนิเทศสรรพากร (RD Intelligence Center) โทร. 1161 อย่างไรก็ดี กรมสรรพากรยังได้ย้ำเตือนประชาชนอย่าได้หลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรเพื่อหลอกลวงประชาชน กรุณาอย่าหลงเชื่อและอย่าให้ข้อมูลส่วนตัวแก่บุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือ เนื่องจากไม่มีนโยบายในการติดต่อเพื่อขอข้อมูล ในการชำระภาษีและค่าปรับฯ ผ่านทางช่องทางโทรศัพท์หรือผ่านทางสื่อโซเชียลมีเดีย