แม้ภาวะเศรษฐกิจในปี 2566 จะเติบโตเพียง 1.8% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยยังคงมีความเปราะบางอยู่ ซึ่งส่งผลให้ภาคธุรกิจต่างๆ ต้องเผชิญกับความท้าทายที่จะเกิดขึ้นในปี 2567 ขณะที่ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หนึ่งในเซกเตอร์ที่มีส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งเมื่อรวมกับภาคธุรกิจเกี่ยวเนื่องและธุรกิจภาคก่อสร้างแล้วจะมีสัดส่วนรวมถึง 20% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) ซึ่งถือว่ามีขนาดทางเศรษฐกิจที่ใหญ่พอควร
ล่าสุด 3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ สมาคมอาคารชุดไทย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ได้ผนึกกำลังในการที่จะปลุกกำลังซื้อตั้งแต่ต้นปี 2567 ผ่านการจัดงาน มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 45 ซึ่งแน่นอนการจัดครั้งนี้มีความสำคัญกับบริษัทอสังหาฯ กว่า 150 บริษัทที่เข้าร่วมออกบูทรวม 300 กว่าบูท นำโครงการรวมมากกว่า 1,000 โครงการมาให้ลูกค้าได้ตัดสินใจ ซึ่งเป็นกิจกรรมในการเร่งสปีดการเพิ่มตัวเลขการขายตั้งแต่ครึ่งแรกของปีนี้ นอกจากจากอีเวนต์ตามปกติที่แต่ละค่ายจะโหมอัดโปรโมชัน
และที่น่าสนใจการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 45 แบรนด์อสังหาฯ รายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นบริษัท แสนสิริ จำกัด บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) และบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดที่จองบูทมากขึ้นกว่าปกติ สะท้อนให้เห็นการแข่งขันผู้ประกอบการรายใหญ่ด้วยกันในการเพิ่มแชร์ตลาดมากขึ้นเช่นกัน
นายภูมิภัทร พรหมมา ประธานคณะกรรมการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 45 กล่าวมั่นใจว่าจากกระแสตลาดอสังหาฯ ในไตรมาสแรกของปี 2567 ยังเป็นช่วงโอกาสดีสำหรับคนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัย โดยคณะกรรมการจัดงานได้จับมือกระตุ้นความคึกคักให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ปีนี้เน้นคอนเซ็ปต์ “Property Solutions ทางเลือกเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น” เพื่อเป็นการยกระดับและสร้างมุมมองใหม่ให้มหกรรมบ้านและคอนโดที่จะตอบโจทย์การอยู่อาศัยของคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกไลฟ์สไตล์ ที่กำลังมองหาซื้อที่อยู่อาศัยในทำเลที่ชอบ รูปแบบโครงการที่ใช่ และฟังก์ชันในบ้านหรือคอนโดมิเนียมที่ได้ใช้จริงตามสไตล์ของผู้บริโภคแต่ละเจน โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-24 มีนาคม 2567 ณ Hall 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
เนื่องจากบริบทของสังคมที่เปลี่ยนไป ทำให้ปัจจุบันผู้บริโภคยุคใหม่ทั้งในกลุ่มเจนวาย (Gen Y) และเจนซี (Gen Z) ถือเป็น 2 กลุ่มหลักที่มองหาการเลือกซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัย โดยให้ความสำคัญกับการพิจารณาเลือกซื้อ โดยตัดสินใจจากรูปแบบ ฟังก์ชันการใช้งานภายในที่อยู่อาศัย ที่ต้องตอบโจทย์รูปแบบการใช้ชีวิตของผู้ซื้อ อีกทั้งยังมีความคาดหวังมากขึ้นในการที่จะเห็นผู้พัฒนา อสังหาริมทรัพย์มอบประสบการณ์ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาและยกระดับบริการหลังการขายที่มีคุณภาพมากขึ้น การส่งมอบเทคโนโลยีใหม่ๆ การให้สิทธิพิเศษกับแบรนด์พันมิตรที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ด้านต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว
"สำหรับเซกเมนต์ต้นปีที่คาดว่าจะขายดีที่สุด คือ กลุ่มสินค้าประเภทอาคารชุด และบ้าน แนวราบ ที่มีราคา 7-10 ล้านขึ้นไป ส่วนสินค้าในกลุ่มที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 5 ล้าน อาจจะมีผลกระทบจากปัจจัย ทั้งกำลังซื้อที่ยังจำกัดในบางกลุ่ม หนี้ครัวเรือนที่สูง ความเข้มงวดการพิจารณาสินเชื่อของธนาคาร และมาตรการ LTV ที่ยังมีอยู่ แต่เชื่อว่ายังมีโอกาสไปต่อไป เนื่องจากมองภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2567 ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดที่อยู่อาศัยในประเทศไทย โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นสู่จุดสูงสุดแล้ว และจะเริ่มทรงตัว อีกทั้งยังเชื่อว่าเร็วๆ นี้ ภาครัฐอาจจะมีนโยบายหรือมาตรการที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคและผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างทั่วถึงในทุกกลุ่ม เพื่อกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยให้คึกคักมากขึ้นสำหรับต้นปีนี้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ ปัจจัยสภาพการณ์ภายนอกประเทศ เช่น ภาวะดอกเบี้ย สงครามความขัดแย้ง หรือแม้แต่ภัยพิบัติ อาจจะเป็นตัวกระตุ้นให้ต่างชาติอยากย้ายเข้ามาอยู่อาศัยในเมืองไทยเพิ่มขึ้นในปีนี้"
ทั้งนี้ งานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 45 ทางผู้จัดงานคาดว่าตลอดระยะเวลาการจัดงานทั้ง 4 วัน จะมีผู้เข้าร่วมงานอยู่ที่ 50,000-80,000 คน สามารถกระตุ้นสร้างยอดขายภายในงานกว่า 4,000 ล้านบาท
นายวสันต์ เคียงศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ในฐานะนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า คาดหวังว่าการจัดงานครั้งนี้จะกระตุ้นให้กลุ่มที่มีการมองหาที่อยู่อาศัยได้เร่งตัดสินใจซื้อและจองบ้าน และทางผู้ประกอบการจะเร่งทำยอดขายตั้งแต่ต้นปี เนื่องจากสถานการณ์ในปีที่ผ่านมาเป็นตัวเร่งให้เอกชนต้องสร้างผลประกอบการที่ดีตั้งแต่ต้นปีมากกว่าที่จะไปรอเร่งทำยอดขายปลายปีแทน
"จากการประมวลแล้ว คาดว่าไตรมาสแรกปีนี้ ยอดขายทั้งบ้านและคอนโดมิเนียมน่าจะทำ New High ในรอบ 5 ปี โครงการแนวราบน่าจะมียอดโอนที่เร็ว" นายวสันต์ กล่าว