xs
xsm
sm
md
lg

SHR กางโรดแมป 5 ปีทุ่ม 1.5 หมื่นล้านบาท ซื้อโรงแรม-ควบกิจการ เพิ่มพอร์ตรวมกว่า 50 แห่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายไมเคิล มาร์แชล
"เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท" ในเครือสิงห์ เอสเตทฯ ประกาศแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ทุ่มงบ 15,000 ล้านบาท ซื้อโรงแรมและควบรวมกิจการ มั่นใจเพิ่มแอสเสทโรงแรมในพอร์ตโฟลิโอกว่า 50 แห่ง เผยทิศทางปี 67 ตั้งเป้ารายได้แตะ 12,000 ล้านบาท ยกระดับประสิทธิภาพในการทำกำไร ดัน EBITDA Margin เติบโต 3-5%

นายไมเคิล มาร์แชล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR ผู้นำด้านธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ตระดับนานาชาติ ในครือ สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S กล่าวถึงการลงทุนของบริษัทตามโรดแมปตามแผน 5 ปี (2567-2571) ว่า มีเป้าหมายในการสร้างความเติบโตให้บริษัท โดยเริ่มจากการไปปักหมุดตลาดใหม่ โดยได้จัดสรรงบในการลงทุนมูลค่า 15,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 2,000-3,000 ล้านบาท เพื่อซื้อและควบรวมกิจการ ตลอดระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า โดยในปีนี้อยู่ระหว่างการเจรจา 1-2 โรง ซึ่งเรายังคงพุ่งเป้าไปที่จุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวในภาคพื้นทวีปยุโรปในแถบเมดิเตอร์เรเนียน สหราชอาณาจักร แถบมหาสมุทรอินเดีย เอเชียแปซิฟิก และฟิจิ เพื่อสร้างความหลากหลายให้แก่พอร์ตโฟลิโอของบริษัท และสร้างความเติบโตที่ยั่งยืนในด้านรายได้ รวมถึงลดความผันผวนทางฤดูกาลของโรงแรมในเครืออีกด้วย

ซึ่งการลงทุนในมูลค่าที่สูงเพื่อสร้างการเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัด โดยมีแผนที่จะยกระดับแบรนด์ เพื่อสร้างการจดจำแบรนด์ ทราย (SAii) ในฐานะจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวแบลักชัวรีอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนโรงแรมในพอร์ตโฟลิโอทั้งหมดจำนวนไม่น้อยกว่า 50 แห่ง จากปัจจุบันที่มีโรงแรมในพอร์ต 38 โรงแรม จำนวน 4,552 ห้อง ซึ่งรูปแบบการขยายพอร์ตโรงแรมจะอยู่ภายใต้โมเดลธุรกิจแบบ Asset-Light เช่น สัญญาบริหารโรงแรม (Hotel Management Agreement: HMA) หรือภายใต้การเข้าซื้อสินทรัพย์ที่มีศักยภาพ และการร่วมลงทุน (Joint Venture) อันจะนำไปสู่การเพิ่มขนาดพอร์ตโฟลิโอและรายได้รวมของบริษัทเป็น 2 เท่าตัว


นายไมเคิล กล่าวถึงทิศทางธุรกิจในปี 2567 ว่า จากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกตลอดปี 2566 ที่ผ่านมา รวมถึงมีข้อได้เปรียบจากสถานที่ตั้งโรงแรมของเราซึ่งอยู่ในจุดหมายปลายทางสำคัญ เป็นปัจจัยที่ส่งเสริมให้เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท สามารถบรรลุเป้าหมายในการสร้างรายได้รวมทะลุ 10,000 ล้านบาท และรักษาตำแหน่งผู้ประกอบธุรกิจบริหารจัดการโรงแรมที่ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของไทย โดยการปรับปรุงโรงแรมที่เป็นสินทรัพย์หลักของบริษัทถือเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญในการเพิ่มอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยรายวัน (ADR) ในปี 2566 สำหรับโรงแรมในไทยและฟิจิให้สูงขึ้น 20%

นอกจากนี้ การเปิดตัวโซ/มัลดีฟส์ รีสอร์ตระดับ 5 ดาว ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งของโครงการ ‘ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์’ ในการตอบรับความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มนักท่องเที่ยวนานาชาติ

โดยในปี 2566 บริษัทได้รับความเชื่อมั่นจากกลุ่มนักลงทุน จากการออกหุ้นกู้อายุ 3 ปี ที่มียอดจองซื้อสูงเกินกว่าเป้าหมาย ปิดการขายด้วยมูลค่า 1,300 ล้านบาท รองรับการลงทุนต่อเนื่อง 3-5 ปี และด้วยตัวเลขหนี้สินต่อทุนระดับต่ำ 0.8 เท่า ทำให้บริษัทยังมีศักยภาพในการระดมทุนเพิ่มเติมจากที่กำหนดหนี้ต่อทุนไว้ที่ 1.5 เท่า คาดว่าในช่วงปลายปี 67 อาจจะมีการระดมทุนอีกครั้ง


สำหรับในปี 2567 เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ตั้งเป้ารายได้รวมมูลค่า 12,000 ล้านบาท  ผ่านแผนยกระดับศักยภาพในการสร้างอัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA Margin) เพิ่มขึ้น 3-5% ผ่านปัจจัยการเติบโต 3 ด้าน ได้แก่ อัตราเฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPAR) ซึ่งตั้งเป้าว่าจะเติบโต 25% จากยอดการจองห้องพักในมัลดีฟส์ในไตรมาสแรกที่ขยายตัวได้ดี และค่าห้องพักเฉลี่ยต่อคืน (ADR) ซึ่งคาดว่าจะเติบโต 20%  จากการปรับปรุงห้องพักของโรงแรมในฟิจิและไทย และการเปิดตัวของโซ/มัลดีฟส์

นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าการเติบโตของรายได้อื่นนอกเหนือจากการเข้าพัก (Non-room Revenue) ที่ 15% และจะมีการยกระดับระบบการจัดซื้อแบบรวมศูนย์ และควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น โดยไม่กระทบต่อคุณภาพของบริการ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้บริษัทมีกำไรขั้นต้น (Gross Profit) เพิ่มขึ้น 20%
กำลังโหลดความคิดเห็น