หุ้นไทยปิดตลาด +4.58 จุด นักวิเคราะห์เผยตลาดปิดบวกตามตลาดภูมิภาค หลังผู้ผลิตชิปรายใหญ่หนุนเปิดงบออกมาดีหนุนหุ้นกลุ่ม ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารก็เปิดงบออกมาดีตามที่ตลาดคาด มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าคาดแกว่งในกรอบจำกัด ประเมินแนวรับที่ 1,360 จุด และแนวต้าน 1,390 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 19 มกราคม 2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้น +4.58 จุด หรือ +0.33% โดยปิดตลาดที่ 1,382.51 จุด มูลค่าซื้อขาย 49,266.20 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นวันนี้ดัชนีปรับตัวฟื้นขึ้นมาหลังจากที่ปรับตัวลดลงในแดนลบตลอดหลายวัน โดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,389.26 จุด ในทิศทางกลับกันที่ปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,378.28 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 206 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 187 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 259 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +2,271.74 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิกว่า -1,233.07 ล้านบาทบัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -458.16 ล้านบาท และ นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -580.51 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.BBL มูลค่าการซื้อขาย 4,089.76 ล้านบาท ปิดที่ 144.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
2.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 4,064.63 ล้านบาท ปิดที่ 125.50 บาท ลดลง 3.50 บาท
3.PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,824.65 ล้านบาท ปิดที่ 34.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
4.SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,795.17 ล้านบาท ปิดที่ 105.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
5.TTB มูลค่าการซื้อขาย 1,504.54 ล้านบาท ปิดที่ 1.69 บาท เพิ่มขึ้น 0.09 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BH ปิดที่ 240 บาท เพิ่มขึ้น 5บาท หรือ 2.13%
2.PTTEP ปิดที่ 149.50 บาท เพิ่มขึ้น 3 บาท หรือ 2.05 %
3.ADVAVC ปิดทึ่ 218 บาท เพิ่มขึ้น 3 บาท หรือ 1.40 %
4.SCB. ปิดทึ่ 272 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ 2.44%
5.KCE ปิดที่ 48.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 2.65%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.KBANK ปิดที่ 125 บาท ลดลง 3.50 บาทหรือ 2.71%
2.CRC ปิดที่ 35.25 บาท ลดลง 2 บาท หรือ 5.37%
3.CBG ปิดที่ 76 บาท ลดลง 1.25 บาท หรือ 1.62 %
4.KKP ปิดที่ 48 บาท ลดลง 0.50 บาทหรือ 1.03%
5.RCLปิดที่ 25.75 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ1.90 บาท
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,874.53 จุด เพิ่มขึ้น 9.41 จุด หรือ 0.50% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 845.38 จุด เพิ่มขึ้น 4.58 จุด หรือ 0.54% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 412.50 จุด เพิ่มขึ้น 1.77 จุด หรือ 0.43%
นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าทีมกลยุทธ์การลงทุน บล.กสิกรไทย กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้รีบาวด์ขึ้นมา หลังจากบริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง โค (TSMC) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปสัญญาจ้างรายใหญ่ที่สุดของโลกมีการรายงานผลประกอบการออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ และผู้บริหารยังมีมุมมองการเติบโตของปี 67 สูงถึง 20% ส่งผลให้นักลงทุนพิจารณาแนวโน้มเศรษฐกิจโลกปี 67 โดยเฉพาะตลาดชิปจะยังโตดีหรือไม่
โดยเช้านี้หุ้นเทคโนโลยีหลายตัว ดึงตลาดหุ้นขึ้นมาตั้งแต่เอเชียเหนือจนถึงเอเชียใต้ และตลาดหุ้นไทยก็รีบาวด์ตามตลาดภูมิภาคแต่ไม่มากประมาณ 5 จุด ซึ่งตลาดหุ้นไทยวันนี้เห็นการปรับตัวขึ้นของกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มธนาคารที่มีผลประกอบการออกมาดี เช่น SCB รวมทั้งเริ่มเห็นการขยับขึ้นของกลุ่มท่องเที่ยว โดยเฉพาะ MINT และหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัวอย่าง TRUE ที่มีการปรับตัวขึ้นมาด้วย
"แนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าคาดว่าจะแกว่งในกรอบแนวรับ 1,360 จุด และแนวต้าน 1,390 จุด โดยในวันจันทร์-พุธ จะมีการประชุมนักวิเคราะห์เพื่อประเมินผลประกอบการของกลุ่มธนาคาร ซึ่งจะมีการให้มุมมองของเศรษฐกิจไทยในปี 67 เป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศติดตามการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนซึ่งอาจส่งผลต่อดัชนีตลาดหุ้นไทย" นายสรพล กล่าว
ขณะที่ด้านนายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึงกรณีการตรวจสอบ Naked Short และ โปรแกรมเทรดซึ่งคาดว่าจะสรุปผลศึกษาภายในต้น ก.พ.ก่อนเคาะแผนเร่งด่วน Q1/67 โดยเปิดเผยว่า โอลิเวอร์ ไวแมน ซึ่งเป็นที่ปรึกษาจากต่างประเทศ จะสรุปผลการศึกษาระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ภายในต้นเดือน ก.พ.โดยเฉพาะการป้องกัน Naked Short และการใช้โปรแกรมเทรดที่เหมาะสม ซึ่งเบื้องต้นพบว่าการศึกษาน่าสนใจมาก แต่ยังไม่ครบถ้วน ต้องรอข้อมูลทั้งหมดก่อนจึงจะสามารถระบุได้ว่า ตลท.จะต้องดำเนินการในระยะสั้น กลาง และยาวอย่างไร โดยจะพยายามให้ได้ข้อสรุปสิ่งที่จะต้องดำเนินการทันทีภายในไตรมาส 1/67 แต่คงไม่ใช่ทั้งหมด เพื่อนำเข้าหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จากนั้นจะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องในตลาดทุน
“ต้น ก.พ.จะสรุปผลที่ได้ออกมาว่าเราจะทำอะไรในช่วงสั้น กลาง และยาว โอลิเวอร์ เป็นคนมาร่วมกันศึกษา เบื้องต้นผลที่ได้น่าสนใจได้มาก แต่ยังไม่ครบถ้วน ยังมีอีกตลาดหุ้นอีกหลายตลาดที่เราต้องไปดู ยังไม่ครบ หลังจากนั้นจะเปิดเฮียริ่ง” นายภากร กล่าว
อย่างไรก็ตาม ตลท.ยังยืนยันว่าเท่าที่ผ่านมาจากที่ได้รับการแจ้งเบาะแสข้อมูลการทำ Naked Short จำนวน 4 เคส เมื่อเข้าไปตรวจสอบแล้วในทุกเคสไม่พบว่ามีการทำ Naked Short เกิดขึ้นจริง เพราะผู้ที่ขายหุ้นมีหุ้นอยู่ในมือ แม้ว่าอาจมีผู้ติดใจไปขอให้ดีเอสไอตรวจสอบเพิ่มเติมแต่ก็เป็นประเด็นอื่น ดังนั้น ผู้ที่ได้รับข้อมูลมาควรตรวจสอบความถูกต้องของข่าวที่กระจายออกไป ซึ่ง ตลท.เปิดรับข้อมูลน่าสงสัยเพื่อตรวจสอบให้ เพราะเราติดตามแบบ Trade by Trade ถ้ามีหลักฐานส่งมาเราก็ตรวจให้ แต่เท่าที่ส่งมายังตรวจไม่พบ