JLL ประกาศความสำเร็จ ปิดการขายที่ดินขนาด 10 ไร่ ริมถนนศรีราชา-หนองค้อ ให้กับออริจิ้น เนชั่นวายด์ ลุยปั้นโปรเจกต์มิกซ์ยูสใหญ่ คอนโด โรงแรม รวม 1,000 ยูนิต ด้านซีอีโอใหญ่ "นายพีระพงศ์ จรูญเอก" เผย 4 เสาหลักขับเคลื่อนธุรกิจสู้ความท้าทาย เผยปี 66 สร้างผลงานดี ยอดขาย 47,265 ล้านบาท เติบโตจากเป้า 105% ขณะที่ยอดขายโครงการที่ศรีราชา ปิดการขายไปแล้ว
บริษัท ออริจิ้น เนชั่นวายด์ จำกัด ธุรกิจภายใต้ปีกบริษัทออริจิ้น จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ยังคงเดินหน้าตามแผนโรดแมพในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยตามหัวเมืองท่องเที่ยวสำคัญ รองรับลูกค้าคนไทยและชาวต่างชาติที่มองหาการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
ล่าสุดทาง บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (JLL) ประกาศความสำเร็จในการเป็นตัวแทนแต่เพียงผู้เดียวให้แก่เจ้าของที่ดิน (Sole Agent) ปิดการขายที่ดินขนาด 10 ไร่ ริมถนนศรีราชา-หนองค้อ เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ที่ดินนี้ทางผู้ซื้อ บริษัท ออริจิ้น เนชั่นวายด์ จำกัด จะพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ ประกอบด้วยโรงแรมและคอนโดมิเนียม ขนาด 1,000 ยูนิตที่จะใช้ชื่อว่า The Origin Sriracha การซื้อขายนี้นับเป็นการซื้อขายที่ดินสำหรับพัฒนาคอนโดมิเนียมและการพัฒนาทางพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในศรีราชาในปี 2566
สำหรับบริษัท ออริจิ้น เนชั่นวายด์ จำกัด เป็นผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในหัวเมืองใหญ่ มีจุดเริ่มต้นจากการพัฒนาในแถบเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มีหลากหลายโครงการที่ถือเป็นระดับเมกะโปรเจกต์และได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันได้พัฒนาโครงการออริจิ้น ดิสทริค แหลมฉบัง-ศรีราชา (Origin District Laemchabang-Sriracha) บริเวณตรงข้าม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา จ.ชลบุรี โครงการออริจิ้น สมาร์ท ซิตี้ ระยอง (Origin Smart City Rayong) เมืองอัจฉริยะบนพื้นที่กว่า 24 ไร่ บริเวณแยกเนินสำลี จ.ระยอง
นอกจากนี้ ออริจิ้น เนชั่นวายด์ฯ ยังได้ประกาศการลงทุนก่อสร้างโครงการเมกะโปรเจกต์ที่ชื่อ “ออริจิ้น รีสอร์ท เวิล์ด” (Origin Resort World) ขึ้นมา โดยจะผนึกธุรกิจของบริษัทในเครือมาร่วมกันพัฒนาอาณาจักรมิกซ์ยูสในทำเลท่องเที่ยวศักยภาพ ซึ่งมี 2ทำเลใหม่ที่เปิดเพิ่ม ได้แก่ "ภูเก็ต บางเทา บีช และเขาใหญ่" มูลค่ารวมกว่า 11,000 ล้านบาท
ยึด 4 เสาหลัก ขับเคลื่อนธุรกิจสู้ความท้าทาย
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ได้กล่าวถึงผลงานในปี 2566 ว่า มียอดขาย (Presales) จากโครงการที่อยู่อาศัยอยู่ที่ประมาณ 47,265 ล้านบาท ทะลุเป้าหมายทั้งปีที่ 45,000 ล้านบาท คิดเป็น 105% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ และเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาประมาณ 15% พร้อมทั้งทำสถิติยอดขายสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท (All Time High) อีกครั้ง
โดยจากยอดขายดังกล่าว แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียม 34,704 ล้านบาท หรือราว 73% และยอดขายจากโครงการบ้านจัดสรรภายใต้บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) 12,561 ล้านบาท หรือประมาณ 27% หากแบ่งตามสถานะโครงการ มีสัดส่วนยอดขายจากโครงการพร้อมอยู่ (Ready to move) ประมาณ 53% และยอดขายจากกลุ่มโครงการที่เพิ่งเปิดขายหรืออยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง (Ongoing) อีกราว 47%
สำหรับโครงการเปิดใหม่ปี 2566 ที่สามารถปิดการขายได้หลังเปิดขาย ได้แก่ โซ ออริจิ้น ศิริราช, ออริจิ้น เพลส เพชรเกษม, ออริจิ้น เพลส พหล 59 สเตชั่น และ ดิ ออริจิ้น เซ็นเตอร์ ภูเก็ต โดยแต่ละโครงการมีความโดดเด่นทั้งด้านศักยภาพทำเล ฟังก์ชันที่โดดเด่น ราคาที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งในทำเลเดียวกัน
ที่สำคัญ นายพีระพงศ์ ได้กล่าวถึงกลยุทธ์ที่ขับเคลื่อนให้ ออริจิ้นฯ ประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการ ว่า ที่ผ่านมา ออริจิ้น ยึดหลัก 4 อย่างในการก้าวผ่านความท้าทายเหล่านี้ ได้แก่
1.ทำเลต้องดี เลือกทำเลที่มีความต้องการซื้อจริง เน้นเฉพาะทำเลใกล้รถไฟฟ้า เส้นทางคมนาคมสายหลัก ใกล้สถานที่สำคัญ
2.เซ็กเมนท์ต้องแตกต่าง เลือกเซ็กเมนท์ที่คู่แข่งไม่มาก แต่มีกำลังซื้อแข็งแกร่ง และมีแนวโน้มเติบโต เช่น เซ็กเมนท์สำหรับ Pet Lover และ กลุ่มนักลงทุน Investment Program
3.ฟังก์ชันต้องตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ เน้นฟังก์ชันที่ใช้งานได้จริง
และ 4.ใน 1 โครงการต้องตอบโจทย์ลูกค้าได้หลายกลุ่ม เช่น โครงการคอนโด Pet Lover ไม่ได้ขายเฉพาะคนเลี้ยงสัตว์ มีแยกตึกหรือแยกชั้น เพื่อขายทั้งคนเลี้ยงสัตว์และไม่เลี้ยงสัตว์ หลายโครงการต้องพัฒนาเป็นมิกซ์โปรดักท์ เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าที่มีกำลังซื้อหลากหลาย หลายโครงการทำเป็นมิกซ์ยูส เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้ครบวงจร หลายโครงการต้องตอบโจทย์ทั้งผู้ซื้ออยู่เองและซื้อลงทุนระยะยาว.