หุ้นไทยปิดตลาดร่วง -9.51 จุด โบรกฯชี้ ปรับตัวลดลงตามการลงทุนต่างประเทศ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ดีดตัวขึ้น แนะนักลงทุนจับตาเงินเฟ้อสหรัฐฯ และ การประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ที่จะประกาศออกมาในวันพรุ่งนี้ ประเมินกรอบการลงทุน แนวรับ 1,415 จุด และแนวต้าน 1,428 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 8 มกราคม 2567 ปรับตัวลดลง - 9.51 จุด หรือ -0.67% โดยปิดตลาดที่ 1,418.45 จุด โดยมีมูลค่าซื้อขาย 42,143.31 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นในวันนี้ดัชนีปรับเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,428.06 จุด ในทิศทางกลับกันที่ปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,413.86 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 172 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 169 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 315 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -884.11 ล้านบาท และ นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิกว่า -270.77 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +813.81 ล้านบาท และ บัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า +341.07 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,419.07 ล้านบาท ปิดที่ 132.00 บาท ลดลง 4.00 บาท
2.AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,277.26 ล้านบาท ปิดที่ 63.00 บาท ลดลง 0.50 บาท
3.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,197.38 ล้านบาท ปิดที่ 149.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
4.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,159.84 ล้านบาท ปิดที่ 55.25 บาท ลดลง 0.25 บาท
5.BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,126.12 ล้านบาท ปิดที่ 154.50 บาท ลดลง 1.00 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BCP ปิดที่ 41.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาทหรือ 2.50%
2.TISCOปิดที่ 101.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาทหรือ 1.00%
3.MTC ปิดที่44.75บาท เพิ่มขึ้น 0.75บาทหรือ 1.70%
4.HANA ปิดที่51.75บาท เพิ่มขึ้น 0.75บาทหรือ 1.47%
5.KCE ปิดที่52.25บาท เพิ่มขึ้น 0.75บาทหรือ 1.46%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1. KBANK ปิดที่132.00 บาท ลดลง 4.00บาท หรือ 2.94%
2.SCC ปิดที่298.00 บาท ลดลง 3.00 บาทหรือ 1.00%
3.PTTEP ปิดที่149.00 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 1.32%
4.SCB ปิดที่ 105.00 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 1.41%
5.EGCO ปิดที่129.00 บาท ลดลง 1.50บาท หรือ 1.15%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,927.80 จุด ลดลง -13.37 จุด หรือ -0.69% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 868.83 จุด ลดลง -5.98 จุด หรือ -0.68% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 418.42 จุด ลดลง -1.08 จุด หรือ -0.26%
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลดลงตามบรรยากาศการลงทุนในต่างประเทศที่เริ่มมีแรงขายทำกำไร หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ดีดตัวขึ้น
แนวโน้มวันพรุ่งนี้คาดตลาดแกว่งในกรอบแนวรับ 1,415 จุด และแนวต้าน 1,428 จุด ขึ้นอยู่กับปัจจัย 2 เรื่อง คือ เงินเฟ้อสหรัฐฯ และ การประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ มองว่าช่วงไตรมาส 4/66 แบงก์ใหญ่น่าจะยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่กลุ่มแบงก์ขนาดกลางและเล็กที่มีธุรกิจเกี่ยวกับการเช่าซื้ออาจจะมีโอกาสตั้งสำรองสูงขึ้น เนื่องจากราคารมือสองปรับลงค่อนข้างแรง
"ปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนยังต้องติดตามเพิ่มเติมในสัปดาห์นี้คือการแถลงความคืบหน้าโครงการ Digital wallet จากนายกรัฐมนตรี เนื่องจากตลาดมีความกังวลหากโครงการดังกล่าวมีความล่าช้ากว่าที่รัฐบาลเคยมองที่เดือน พ.ค.67 อาจเป็นปัจจัยเชิงลบต่อตลาดได้" นายกิจพณ กล่าวทิ้งท้าย